นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แสดงความเห็นด้วยกับกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำรงตำแหน่งในสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ เพราะเห็นว่าไม่ใช่การสืบทอดอำนาจทางการเมือง หรือล็อกสเปกที่นั่งไว้ให้กับ สปช.และ สนช.หลังพ้นวาระ แต่เชื่อว่ามีเหตุผลมาจากความต่อเนื่อง และการสานต่อการปฏิรูปประเทศของ สปช. รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายของ สนช.
ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการมี ส.ว.สรรหา นั้น ส่วนตัวเคยผ่านการทำหน้าที่ร่วมกับ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง มาแล้ว และเห็นว่ายังเป็นไปได้ แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับ ส.ว.สรรหา ทั้งหมด เนื่องจากทำให้ความเชื่อมโยงกับประชาชนในพื้นที่หายไป
อย่างไรก็ตาม รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ย้ำว่า ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีผลชี้นำหรือกดดันฝ่ายใด อีกทั้งข้อกำหนดที่ออกมายังเป็นเพียงร่างแรก ซึ่งจะต้องผ่านการเสนอแนะ แก้ไข จากแม่น้ำทั้ง 4 สายต่อไป
นายพีระศักดิ์ เปิดเผยถึงการแถลงปิดคดีสมาชิกวุฒิสภา 38 คน ว่ากำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม และลงมติว่าจะถอดถอน หรือไม่ถอดถอน ในวันที่ 12 มีนาคม จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 13 มีนาคมนั้น เนื่องจากต้องเผื่อเวลาสำหรับการพิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างอยู่
ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการมี ส.ว.สรรหา นั้น ส่วนตัวเคยผ่านการทำหน้าที่ร่วมกับ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง มาแล้ว และเห็นว่ายังเป็นไปได้ แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับ ส.ว.สรรหา ทั้งหมด เนื่องจากทำให้ความเชื่อมโยงกับประชาชนในพื้นที่หายไป
อย่างไรก็ตาม รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ย้ำว่า ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีผลชี้นำหรือกดดันฝ่ายใด อีกทั้งข้อกำหนดที่ออกมายังเป็นเพียงร่างแรก ซึ่งจะต้องผ่านการเสนอแนะ แก้ไข จากแม่น้ำทั้ง 4 สายต่อไป
นายพีระศักดิ์ เปิดเผยถึงการแถลงปิดคดีสมาชิกวุฒิสภา 38 คน ว่ากำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม และลงมติว่าจะถอดถอน หรือไม่ถอดถอน ในวันที่ 12 มีนาคม จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 13 มีนาคมนั้น เนื่องจากต้องเผื่อเวลาสำหรับการพิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างอยู่