นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ทำหน้าที่เป็นช่องทางการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบ โดยการออกกฎกระทรวงจำนวน 7 ฉบับ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและรองรับการเปิดรับสมาชิกของกองทุน รวมทั้งแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 เพื่อรับโอนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพของกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมที่สมัครใจมาเป็นสมาชิก กอช. โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ทั้งที่โอนมาจากกองทุนประกันสังคมและผู้ที่สมัครภายใน 1 ปี นับแต่วันที่กองทุนเปิดรับสมาชิก สามารถออมได้อีก 10 ปี นับแต่วันที่เป็นสมาชิก และออกพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม เพื่อยกเลิกการดำเนินการตามมาตรา 40 กรณีดังกล่าวและโอนผู้ประกันตนมาที่ กอช.
ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินการด้านกฎหมายข้างต้นแล้วเสร็จ กอช.จะรับโอนผู้ประกันตนจากกองทุนประกันสังคม มาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ มาเป็นสมาชิก กอช. และรับสมัครสมาชิกรายใหม่ ซึ่งสมาชิก กอช.ทุกคนจะได้รับประโยชน์ตอบแทนตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงหลักเกณฑ์การออมเงินกับ กอช. ว่า ผู้มีสิทธิเป็นสมาชิกจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 15-60 ปี ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน โดยสมาชิกสะสมเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี และรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิกและเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุน โดยรัฐสมทบให้ร้อยละ 50 ร้อยละ 80 และร้อยละ 100 ของเงินสะสมของสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี สมาชิกที่มีอายุเกิน 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี และสมาชิกที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป โดยรัฐสมทบไม่เกินปีละ 600 บาท 960 บาท และ 1,200 บาท ตามลำดับ
สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ หากสมาชิกส่งเงินออมได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด สมาชิกจะได้รับบำนาญรายเดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไป หากสมาชิกเกิดเหตุทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินในส่วนที่สมาชิกได้ออมไว้มาใช้ก่อนได้ ส่วนเงินสมทบจากรัฐจะนำมาจ่ายบำนาญเมื่ออายุครบ 60 ปีขึ้นไป สำหรับสมาชิกที่มีความจำเป็นต้องลาออกจากกองทุนจะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้โดยไม่ได้รับเงินสมทบ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้สมาชิกจะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของกองทุนได้อีกตามความสมัครใจ และหากสมาชิกเสียชีวิตกองทุนจะจ่ายเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีให้แก่ผู้ที่สมาชิกได้แจ้งชื่อไว้หรือให้แก่ทายาทของสมาชิก นอกจากนี้ รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนให้สมาชิกได้รับดอกผลจากเงินออมไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือนโดยเฉลี่ยของธนาคาร 7 แห่งด้วย
ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินการด้านกฎหมายข้างต้นแล้วเสร็จ กอช.จะรับโอนผู้ประกันตนจากกองทุนประกันสังคม มาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ มาเป็นสมาชิก กอช. และรับสมัครสมาชิกรายใหม่ ซึ่งสมาชิก กอช.ทุกคนจะได้รับประโยชน์ตอบแทนตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงหลักเกณฑ์การออมเงินกับ กอช. ว่า ผู้มีสิทธิเป็นสมาชิกจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 15-60 ปี ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน โดยสมาชิกสะสมเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี และรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิกและเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุน โดยรัฐสมทบให้ร้อยละ 50 ร้อยละ 80 และร้อยละ 100 ของเงินสะสมของสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี สมาชิกที่มีอายุเกิน 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี และสมาชิกที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป โดยรัฐสมทบไม่เกินปีละ 600 บาท 960 บาท และ 1,200 บาท ตามลำดับ
สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ หากสมาชิกส่งเงินออมได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด สมาชิกจะได้รับบำนาญรายเดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไป หากสมาชิกเกิดเหตุทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินในส่วนที่สมาชิกได้ออมไว้มาใช้ก่อนได้ ส่วนเงินสมทบจากรัฐจะนำมาจ่ายบำนาญเมื่ออายุครบ 60 ปีขึ้นไป สำหรับสมาชิกที่มีความจำเป็นต้องลาออกจากกองทุนจะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้โดยไม่ได้รับเงินสมทบ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้สมาชิกจะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของกองทุนได้อีกตามความสมัครใจ และหากสมาชิกเสียชีวิตกองทุนจะจ่ายเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีให้แก่ผู้ที่สมาชิกได้แจ้งชื่อไว้หรือให้แก่ทายาทของสมาชิก นอกจากนี้ รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนให้สมาชิกได้รับดอกผลจากเงินออมไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือนโดยเฉลี่ยของธนาคาร 7 แห่งด้วย