นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงผลการพิจารณาศึกษา วิเคราะห์ จัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะในการปฎิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ว่า ขณะนี้มีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น และได้ส่งรายงานให้กับสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้ว โดยมี 3 แนวทางหลักในการสร้างยุทธศาสตร์คนไทยไม่โกง โดยเร่งสร้างจิตสำนึก สร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย และสร้างพลังคุณธรรมขับเคลื่อนสังคม ซึ่งในการตรวจสอบจะเน้นปฏิรูปกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบให้มีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ รวมถึงเพิ่มบทลงโทษที่จริงจังกับผู้กระทำความผิด
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เสนอให้มีการตั้งศาลคดีคอร์รัปชั่นเป็นศาลชำนาญพิเศษ โดยเป็นระบบศาล 2 ชั้น ด้วยการใช้ระบบการไต่สวนในการดำเนินคดี และจัดทำสำนวนการสอบสวนก่อนนำคดีขึ้นสู่ศาล พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการทำคดีของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี และมีบุคลากรที่มีความหลากหลายอาชีพมากขึ้น รวมทั้งสิ้น 11 คน และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นองค์กรอิสระ โดยอาจควบรวมกับ ป.ป.ช.เพื่อให้ปลอดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และทำงานได้มีเอกภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เสนอให้มีการตั้งศาลคดีคอร์รัปชั่นเป็นศาลชำนาญพิเศษ โดยเป็นระบบศาล 2 ชั้น ด้วยการใช้ระบบการไต่สวนในการดำเนินคดี และจัดทำสำนวนการสอบสวนก่อนนำคดีขึ้นสู่ศาล พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการทำคดีของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี และมีบุคลากรที่มีความหลากหลายอาชีพมากขึ้น รวมทั้งสิ้น 11 คน และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นองค์กรอิสระ โดยอาจควบรวมกับ ป.ป.ช.เพื่อให้ปลอดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และทำงานได้มีเอกภาพมากขึ้น