พระพรหมเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวภายหลังการประชุม มส. ว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงกรณีพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พ้นสถานะปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี 2542 ซึ่งในการประชุม มส. เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีเพียงวาระรับทราบการไปชี้แจงของตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต่อคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ในประเด็นพระลิขิตของสมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก กรณีเจ้าอาวาสวัดธรรมกายต้องอาบัติปาราชิก และความคืบหน้าในการดำเนินการตามพระลิขิตของ มส.และตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ของพระพุทธศาสนา ในภาพรวมไม่มีมติอะไรเป็นไรพิเศษ ดังนั้น ในชั้นนี้ฐานะของพระธัมมชโยยังคงสภาพตามรายงานที่ผ่านมา
โฆษกมหาเถรสมาคม ยังกล่าวถึงประเด็นการรื้อฟื้นคดีของพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ว่า การจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ จะต้องมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังเจ้าคณะจังหวัดใหม่ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบตามลำดับชั้นของสงฆ์จนมาถึง มส.อีกครั้ง คดีเก่าที่ไม่สามารถรื้อฟื้นได้นั้นเพราะ มส.มีการรับรองรายงานไปแล้ว หากรื้อฟื้นคดีเดิมเท่ากับว่าเป็นการอาบัติตามพระธรรมวินัย ส่วนพระธัมมชโย ปาราชิกหรือไม่นั้น ไม่ทราบ มส.มีหน้าที่เพียงรับรองรายงานการประชุมที่ส่งมาเท่านั้น
โฆษกมหาเถรสมาคม ยังกล่าวถึงประเด็นการรื้อฟื้นคดีของพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ว่า การจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ จะต้องมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังเจ้าคณะจังหวัดใหม่ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบตามลำดับชั้นของสงฆ์จนมาถึง มส.อีกครั้ง คดีเก่าที่ไม่สามารถรื้อฟื้นได้นั้นเพราะ มส.มีการรับรองรายงานไปแล้ว หากรื้อฟื้นคดีเดิมเท่ากับว่าเป็นการอาบัติตามพระธรรมวินัย ส่วนพระธัมมชโย ปาราชิกหรือไม่นั้น ไม่ทราบ มส.มีหน้าที่เพียงรับรองรายงานการประชุมที่ส่งมาเท่านั้น
