xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปกครองกลางสั่ง มท.1 เร่งให้สัญชาติ 9 คนไทยพลัดถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่ศาลปกครองกลาง มีการอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1401/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 501/2558 ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่างนายน้อง สมบูรณ์ ที่ 1 กับพวกรวม 73 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (ฟ้องเนื่องจากพิจารณาคำร้องขอมีสัญชาติล่าช้า)

โดยนายจำกัด ชุมพลวงศ์ ตุลาการเจ้าของสำนวน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาอ่านคำพิพากษาให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ของชาวไทยพลัดถิ่น สัญชาติเมียนมาร์ เชื้อชาติไทย ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้ง 9 ราย ให้เสร็จสิ้น และให้แจ้งผลการดำเนินการให้ทราบภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ตามที่นางรินรดา หรือนางน้องดาว ใจยะสิวงษ์ อายุ 45 ปี ชาวไทยพลัดถิ่น สัญชาติเมียนมาร์ เชื้อชาติไทย ใน อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมพวกรวม 73 ราย ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยกล่าวหาว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการประกาศให้สัญชาติไทยแก่นางรินรดากับพวก ทั้ง 73 ราย ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2540 ที่เห็นชอบให้คนไทยพลัดถิ่น สัญชาติเมียนมาร์ เชื้อชาติไทย จำนวน 7,849 คน ที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ได้รับสัญชาติไทยเป็นกรณีพิเศษ โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการประกาศให้สัญชาติไทยแก่นางรินรดากับพวก ทั้ง 73 รายตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ ศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ พ.ร.บ.สัญชาติ 2508 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง จะไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยไว้ก็ตาม แต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องพิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จในเวลาอันสมควร ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 คน ได้ดำเนินการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยมาตั้งแต่ปี 2546 และได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบประวัติ การพิจารณากลั่นกรองสัญชาติ อีกทั้งได้พระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยเมื่อปลายปี 2549 แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดำเนินการพิจารณาคำร้องดังกล่าว และปล่อยให้เวลาล่วงเลยมากว่า 8 ปี จึงถือว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร.

โดยคดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีได้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นและผ่านขั้นตอนกระบวนพิจารณาที่สำคัญไปแล้ว คงเหลือเพียงอีกสองขั้นตอนซึ่งมีความสำคัญน้อยกว่าขั้นตอนที่ผ่านมามาก แต่ผู้ถูกฟ้องคดีก็ไม่เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้น คงปล่อยให้ระยะเวลาผ่านล่วงเลยไป โดยเพิกเฉยต่อความทุกข์ที่เป็นความเดือดร้อนของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวที่รอคอยสิทธิการเป็นคนไทยจากการได้รับการแปลงสัญชาติมาเนิ่นนาน ซึ่งจนถึงปัจจุบันผู้ถูกฟ้องคดีก็ยังดำเนินการเกี่ยวกับคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวไม่แล้วเสร็จ กรณีจึงต้องถือว่า ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรในการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของผู้ฟ้องคดี จึงมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี ดำเนินการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของผู้ฟ้องคดีจำนวน 9 รายให้เสร็จสิ้น และให้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ฟ้องคดีดังกล่าวทราบภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

อนึ่ง ศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 ให้จำหน่ายคดีในส่วนของผู้ฟ้องคดีรายอื่นๆ ออกจากสารบบความ เนื่องจากผู้ฟ้องคดีดังกล่าวได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทย ทำให้เหตุแห่งการฟ้องคดีได้หมดสิ้นไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น