เมื่อเวลา 10.00 น. นายพอล โรบิลลียาร์ด (H. E. Mr. Paul Robilliard) เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและออสเตรเลีย และยังคงดำเนินกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับไทยมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายทอม โรเจอร์ กรรมการและเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เดินทางเยือนไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง
นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบราชการ ซึ่งตนเองได้นำรูปแบบมาปรับใช้กับประเทศไทยด้วย อาทิ การจัดทำเป็นคู่มือคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงการพัฒนาระบบราชการ โดยนำผู้เชี่ยวชาญ มืออาชีพด้านต่างๆ เข้ามาร่วมทำงานกับข้าราชการในระบบด้วย
ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงพัฒนาการทางการเมืองและความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองของไทยว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญมีความก้าวหน้า โดยห้วงเวลาต่างๆ ได้เดินหน้าตามกรอบโรดแมปที่ได้วางไว้ และคาดว่าจะสามารถจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปได้ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 และรัฐบาลเปิดกว้างที่จะรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ หากเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้มีการลงประชามติ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้เร่งรัดผลักดันกฎหมายต่างๆ ที่ในอดีตไม่สามารถดำเนินการได้ อาทิ กฎหมายภาษีมรดก กฎหมายการค้า รวมไปถึงกฎหมายเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ ตลอดจนกฏหมายและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาทิ กฎหมายอุ้มบุญ ซึ่งขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และเตรียมที่จะประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า ไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของออสเตรเลียในอาเซียน ทั้งสองประเทศสามารถขยายขอบข่ายและส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในทุกมิติให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ตลอดจนแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สำหรับการปฏิรูปและพัฒนาการทางการเมืองของไทย และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าปฏิรูประเทศได้ตามโรดแมปที่วางไว้ ในโอกาสที่อาเซียนจะมีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคมกันมายิ่งขึ้น เพื่อเป็นประชาคมอาเซียน เชื่อมั่นว่าจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคเอกชนทั้งของอาเซียนเองและออสเตรเลียในการขยายโอกาสและทางเศรษฐกิจระหว่างไทย ออสเตรเลียและอาเซียน โดยรวมด้วย
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและออสเตรเลีย และยังคงดำเนินกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับไทยมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายทอม โรเจอร์ กรรมการและเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เดินทางเยือนไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง
นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบราชการ ซึ่งตนเองได้นำรูปแบบมาปรับใช้กับประเทศไทยด้วย อาทิ การจัดทำเป็นคู่มือคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงการพัฒนาระบบราชการ โดยนำผู้เชี่ยวชาญ มืออาชีพด้านต่างๆ เข้ามาร่วมทำงานกับข้าราชการในระบบด้วย
ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงพัฒนาการทางการเมืองและความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองของไทยว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญมีความก้าวหน้า โดยห้วงเวลาต่างๆ ได้เดินหน้าตามกรอบโรดแมปที่ได้วางไว้ และคาดว่าจะสามารถจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปได้ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 และรัฐบาลเปิดกว้างที่จะรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ หากเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้มีการลงประชามติ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้เร่งรัดผลักดันกฎหมายต่างๆ ที่ในอดีตไม่สามารถดำเนินการได้ อาทิ กฎหมายภาษีมรดก กฎหมายการค้า รวมไปถึงกฎหมายเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ ตลอดจนกฏหมายและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาทิ กฎหมายอุ้มบุญ ซึ่งขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และเตรียมที่จะประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า ไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของออสเตรเลียในอาเซียน ทั้งสองประเทศสามารถขยายขอบข่ายและส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในทุกมิติให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ตลอดจนแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สำหรับการปฏิรูปและพัฒนาการทางการเมืองของไทย และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าปฏิรูประเทศได้ตามโรดแมปที่วางไว้ ในโอกาสที่อาเซียนจะมีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคมกันมายิ่งขึ้น เพื่อเป็นประชาคมอาเซียน เชื่อมั่นว่าจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคเอกชนทั้งของอาเซียนเองและออสเตรเลียในการขยายโอกาสและทางเศรษฐกิจระหว่างไทย ออสเตรเลียและอาเซียน โดยรวมด้วย