รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลดอนเมืองว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่กทม.โดยผู้ว่าฯกทม.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้แถลงกับประชาชนไว้ว่าจะก่อสร้างโรงพยาบาลสังกัดกทม.ในพื้นที่กรุงเทพเหนือ เนื่องจากบริเวณเขตดอนเมืองสายไหม หลักสี่ และบางเขน เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีสถานพยาบาลของรัฐในการให้บริการแก่ประชาชน
ทั้งนี้โครงการโรงพยาบาลดอนเมืองนั้น กทม.มีแผนจะใช้พื้นที่บริเวณถนนนาวงประชาพัฒนาจำนวน 38 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินในกรรมสิทธิ์ของวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งกทม.เสนอขอใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยการเช่าพื้นที่ระยะเวลายาว 30 ปี มาทำการก่อสร้าง ซึ่งตามกำหนดกทม.จะต้องสามารถเปิดให้บริการประชาชนในรูปแบบของผู้ป่วยนอกได้ในปี 2558 ตามที่ผู้ว่าฯกทม.ได้แถลงไว้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามขณะนี้โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลดอนเมืองได้เกิดปัญหา เนื่องจากทางกทม.ยังไม่สามารถตกลงค่าเช่าที่ดินที่เหมาะสมกับเจ้าของที่ดิน คือวัดปากน้ำภาษีเจริญได้ อีกทั้งผู้บริหารกทม.และสมาชิกสภากทม.มีความเห็นว่า พื้นที่จำนวน 38 ไร่ดังกล่าว หากกทม.จะทำการเช่าจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยคิดค่าเช่าที่ดินในระยะเวลา 30 ปี เป็นเงินประมาณ 700 ล้านบาทนั้น เป็นจำนวนเงินสูงเกินไป จึงอยากให้กทม.หาซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิของกทม.เองเพื่อทำการก่อสร้างโรงพยาบาลมากกว่า
ทั้งนี้กทม.ก็ได้มุ่งหาที่ดินบริเวณอื่นๆ มาใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่มีพื้นที่ใดที่มีขนาดเหมาะสมที่สามารถสร้างโรงพยาบาล อีกทั้งพื้นที่ที่เป็นของเอกชนก็จะมีราคาสูงมาก ดังนั้นเมื่อยังไม่มีข้อสรุปถึงที่ดินในการก่อสร้างโรงพยาบาล กำหนดเดิมของผู้ว่าฯกทม.ในการเปิดบริการผู้ป่วยนอกในปี 2558 จึงต้องเลื่อนออกไป อีกทั้งหากผู้บริหารและสภากทม.เห็นว่าการเช่าที่ดินดังกล่าวไม่คุ้มค่า จึงอาจต้องล้มเลิกโครงการดังกล่าวเพื่อหาที่ดินอื่นที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้โครงการโรงพยาบาลดอนเมืองนั้น กทม.มีแผนจะใช้พื้นที่บริเวณถนนนาวงประชาพัฒนาจำนวน 38 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินในกรรมสิทธิ์ของวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งกทม.เสนอขอใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยการเช่าพื้นที่ระยะเวลายาว 30 ปี มาทำการก่อสร้าง ซึ่งตามกำหนดกทม.จะต้องสามารถเปิดให้บริการประชาชนในรูปแบบของผู้ป่วยนอกได้ในปี 2558 ตามที่ผู้ว่าฯกทม.ได้แถลงไว้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามขณะนี้โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลดอนเมืองได้เกิดปัญหา เนื่องจากทางกทม.ยังไม่สามารถตกลงค่าเช่าที่ดินที่เหมาะสมกับเจ้าของที่ดิน คือวัดปากน้ำภาษีเจริญได้ อีกทั้งผู้บริหารกทม.และสมาชิกสภากทม.มีความเห็นว่า พื้นที่จำนวน 38 ไร่ดังกล่าว หากกทม.จะทำการเช่าจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยคิดค่าเช่าที่ดินในระยะเวลา 30 ปี เป็นเงินประมาณ 700 ล้านบาทนั้น เป็นจำนวนเงินสูงเกินไป จึงอยากให้กทม.หาซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิของกทม.เองเพื่อทำการก่อสร้างโรงพยาบาลมากกว่า
ทั้งนี้กทม.ก็ได้มุ่งหาที่ดินบริเวณอื่นๆ มาใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่มีพื้นที่ใดที่มีขนาดเหมาะสมที่สามารถสร้างโรงพยาบาล อีกทั้งพื้นที่ที่เป็นของเอกชนก็จะมีราคาสูงมาก ดังนั้นเมื่อยังไม่มีข้อสรุปถึงที่ดินในการก่อสร้างโรงพยาบาล กำหนดเดิมของผู้ว่าฯกทม.ในการเปิดบริการผู้ป่วยนอกในปี 2558 จึงต้องเลื่อนออกไป อีกทั้งหากผู้บริหารและสภากทม.เห็นว่าการเช่าที่ดินดังกล่าวไม่คุ้มค่า จึงอาจต้องล้มเลิกโครงการดังกล่าวเพื่อหาที่ดินอื่นที่เหมาะสมต่อไป