สำนักงานศาลปกครองได้เผยแพร่มติที่ประชุมตุลาการศาลปกครองสูงสุด จากการประชุมเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้ตุลาการศาลปกครองพ้นจากราชการเมื่ออายุครบ 65 ปี และรับหลักการเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการอาวุโสต่อไปจนมีอายุครบ 70 ปี ว่า ที่ประชุมตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ไม่เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว เพราะจะส่งผลกระทบต่อจำนวนตุลาการศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุดในอนาคต เนื่องจากอายุเฉลี่ยของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นอยู่ที่ 47 ปี และตุลาการศาลปกครองสูงสุดอยู่ที่ 58 ปี
ดังนั้น หากตุลาการศาลปกครองพ้นจากราชการเมื่ออายุครบ 65 ปี จะส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจของบุคคลที่จะเข้าสมัครสอบคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครอง เพราะจะเหลือเวลาเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด เหลือเพียง 5-6 ปีเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ขาดตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะมาพิจารณาพิพากษาคดี ก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพการพิจารณาพิพากษาคดีและการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน
อีกทั้งการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2550 กำหนดให้การคัดเลือกแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดต้องมีสัดส่วนมาจากบุคคลภายนอกในอัตราไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดทั้งหมด และท้ายสุดย่อมก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพการพิจารณาพิพากษาคดี และการอำนวยความยุติธรรมกับประชาชน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอความเห็นดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เพื่อพิจารณาและส่งความเห็นดังกล่าวให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป
ดังนั้น หากตุลาการศาลปกครองพ้นจากราชการเมื่ออายุครบ 65 ปี จะส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจของบุคคลที่จะเข้าสมัครสอบคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครอง เพราะจะเหลือเวลาเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด เหลือเพียง 5-6 ปีเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ขาดตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะมาพิจารณาพิพากษาคดี ก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพการพิจารณาพิพากษาคดีและการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน
อีกทั้งการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2550 กำหนดให้การคัดเลือกแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดต้องมีสัดส่วนมาจากบุคคลภายนอกในอัตราไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดทั้งหมด และท้ายสุดย่อมก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพการพิจารณาพิพากษาคดี และการอำนวยความยุติธรรมกับประชาชน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอความเห็นดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เพื่อพิจารณาและส่งความเห็นดังกล่าวให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป
