รัฐบาลใหม่ของกรีซที่มีแนวทางต่อต้านการใช้มาตรการคุมเข้มเศรษฐกิจ เผชิญกับแรงต้านในยุโรปอย่างหนักหน่วง โดยที่ขุนคลังของเยอรมนี สมาชิกทรงอิทธิพลที่สุดของยูโรโซนซึ่งคัดค้านการยกเลิกนโยบายรัดเข็มขัด แสดงความสงสัยข้องใจแผนการของเอเธนส์ ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับรัฐมนตรีคลังของกรีซที่ไปเยือนในวันพฤหัสบดี (5ก.พ.) หลังจากที่เมื่อวันพุธ (4) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก็ประกาศยกเลิกไม่ยอมรับพันธบัตรคลังกรีซเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ส่งผลให้แบงก์ชาติกรีซต้องแบกรับภาระหนักในการอัดฉีดสภาพคล่องแก่ธนาคารในประเทศ
รัฐมนตรีคลัง วูล์ฟกัง ชอยเบิล ของเยอรมนี กล่าวในระหว่างแถลงข่าวร่วมภายหลังพบปะเจรจาเป็นหนแรกกับ ยานิส วารูฟากิส ขุนคลังของกรีซ ที่กรุงเบอร์ลิน ว่า ทั้งสองฝ่าย “เห็นร่วมกันที่จะมีความเห็นไม่ลงรอยกัน” รวมทั้งเขากับวารูฟากิสก็ไม่ได้พูดกันถึงเรื่องการขอให้ฝ่ายเจ้าหนี้ยอมลดหนี้สิน หรือที่นิยมเรียกขานกันว่า “แฮร์คัต” ให้แก่กรีซ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลใหม่ของกรีซนำโดยพรรคซ้ายจัด “ซีรีซา” พยายามผลักดันอย่างแข็งขัน
ชอยเบิลบอกด้วยว่า บางมาตรการที่รัฐบาลกรีซประกาศออกมา “ไม่ใช่ว่าจะอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง” อีกทั้งกล่าวย้ำว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเคารพปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และระบุว่า “ความเชื่อถือไว้วางใจได้ คือเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความมั่นอกมั่นใจ”
ทางด้านวารูฟากิสแถลงย้ำว่า รัฐบาลกรีซกำลังแสวงหาโครงการเงินกู้เสริมสภาพคล่องระยะสั้นในช่วงเวลาตั้งแต่ขณะนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม เพื่อเปิดช่องให้สามารถดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับ “การจัดทำข้อตกลงฉบับใหม่” ระหว่างเอเธนส์กับ 3 เจ้าหนี้ต่างชาติรายหลัก อันได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ), และอีซีบี
การพบปะหารือระหว่างขุนคลังทั้งสอง มีขึ้นในขณะที่พวกนักลงทุนผู้กังวลว้าวุ่นพากันเทขายหุ้นในตลาดกรีซ โดยตอนเปิดตลาดเอเธนส์วันพฤหัสบดี ราคาหล่นฮวบลงเกือบ 10% แม้ต่อมาจะกระเตื้องขึ้นมาจนเมื่อช่วงเที่ยงวันซื้อขายกันในระดับลดลง 5.5% จากราคาปิดวันก่อน ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะไถ่ถอน 10 ปีของกรีซ ก็ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.42%
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ซึ่งยังอยู่ที่ 9.678% ในวันพุธ (4) ได้พุ่งทะลุเลยระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 10% ภายหลังที่อีซีบีออกคำแถลงในวันพุธว่า ไม่อนุญาตให้แบงก์เอกชนกรีซใช้พันธบัตรรัฐบาลที่มีเครดิตเรตติ้งในระดับ “ขยะ” เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในเวลามาขอเงินกู้จากอีซีบีอีกต่อไปนับจากวันที่ 11 นี้
คำแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วนอย่างหนัก ค่าเงินยูโรอ่อนยวบกว่า 1% เมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่กระทรวงการคลังกรีซต้องออกมายืนยันว่า ระบบการธนาคารของประเทศยังคงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และมีทางเลือกในการระดมทุนอื่นๆ
รัฐมนตรีคลัง วูล์ฟกัง ชอยเบิล ของเยอรมนี กล่าวในระหว่างแถลงข่าวร่วมภายหลังพบปะเจรจาเป็นหนแรกกับ ยานิส วารูฟากิส ขุนคลังของกรีซ ที่กรุงเบอร์ลิน ว่า ทั้งสองฝ่าย “เห็นร่วมกันที่จะมีความเห็นไม่ลงรอยกัน” รวมทั้งเขากับวารูฟากิสก็ไม่ได้พูดกันถึงเรื่องการขอให้ฝ่ายเจ้าหนี้ยอมลดหนี้สิน หรือที่นิยมเรียกขานกันว่า “แฮร์คัต” ให้แก่กรีซ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลใหม่ของกรีซนำโดยพรรคซ้ายจัด “ซีรีซา” พยายามผลักดันอย่างแข็งขัน
ชอยเบิลบอกด้วยว่า บางมาตรการที่รัฐบาลกรีซประกาศออกมา “ไม่ใช่ว่าจะอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง” อีกทั้งกล่าวย้ำว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเคารพปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และระบุว่า “ความเชื่อถือไว้วางใจได้ คือเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความมั่นอกมั่นใจ”
ทางด้านวารูฟากิสแถลงย้ำว่า รัฐบาลกรีซกำลังแสวงหาโครงการเงินกู้เสริมสภาพคล่องระยะสั้นในช่วงเวลาตั้งแต่ขณะนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม เพื่อเปิดช่องให้สามารถดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับ “การจัดทำข้อตกลงฉบับใหม่” ระหว่างเอเธนส์กับ 3 เจ้าหนี้ต่างชาติรายหลัก อันได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ), และอีซีบี
การพบปะหารือระหว่างขุนคลังทั้งสอง มีขึ้นในขณะที่พวกนักลงทุนผู้กังวลว้าวุ่นพากันเทขายหุ้นในตลาดกรีซ โดยตอนเปิดตลาดเอเธนส์วันพฤหัสบดี ราคาหล่นฮวบลงเกือบ 10% แม้ต่อมาจะกระเตื้องขึ้นมาจนเมื่อช่วงเที่ยงวันซื้อขายกันในระดับลดลง 5.5% จากราคาปิดวันก่อน ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะไถ่ถอน 10 ปีของกรีซ ก็ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.42%
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ซึ่งยังอยู่ที่ 9.678% ในวันพุธ (4) ได้พุ่งทะลุเลยระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 10% ภายหลังที่อีซีบีออกคำแถลงในวันพุธว่า ไม่อนุญาตให้แบงก์เอกชนกรีซใช้พันธบัตรรัฐบาลที่มีเครดิตเรตติ้งในระดับ “ขยะ” เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในเวลามาขอเงินกู้จากอีซีบีอีกต่อไปนับจากวันที่ 11 นี้
คำแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วนอย่างหนัก ค่าเงินยูโรอ่อนยวบกว่า 1% เมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่กระทรวงการคลังกรีซต้องออกมายืนยันว่า ระบบการธนาคารของประเทศยังคงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และมีทางเลือกในการระดมทุนอื่นๆ