นายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลข้าราชการ เปิดเผยภายหลังหารือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ได้ฝากข้อสำคัญในการพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร รวมไปถึงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ต้องให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉบับใหม่ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.เป็นคนดำเนินการ โดยเฉพาะในแง่ของการทำงาน ส่วนรายละเอียดในการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.จะต้องทำต่อไป
นอกจากนี้ นายเทียนฉาย ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะมีการยุบ ป.ป.ช.ว่า คงเป็นไปไม่ได้ ถ้ายุบแล้วใครจะดูแลเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เพียงแต่ต้องมีการปรับอำนาจหน้าที่ เพราะบางส่วนต้องประสานกับอีกหลายหน่วยงาน ทั้งหน่วยงานที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรแล้ว และหน่วยงานที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีหน้าที่ให้แนวทาง เพียงแต่มาหารือเท่านั้น
ประธาน สปช.กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้กรอบดำเนินงานไว้ให้เสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ โดยในส่วนของหลักการมี 3 ข้อ คือ การตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน การป้องกันและส่งเสริมไม่ให้เกิดการทุจริต และการปราบปรามการทุจริต พวกนี้ต้องเสร็จก่อน และจะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากระยะเวลามีจำกัด
นอกจากนี้ นายเทียนฉาย ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะมีการยุบ ป.ป.ช.ว่า คงเป็นไปไม่ได้ ถ้ายุบแล้วใครจะดูแลเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เพียงแต่ต้องมีการปรับอำนาจหน้าที่ เพราะบางส่วนต้องประสานกับอีกหลายหน่วยงาน ทั้งหน่วยงานที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรแล้ว และหน่วยงานที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีหน้าที่ให้แนวทาง เพียงแต่มาหารือเท่านั้น
ประธาน สปช.กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้กรอบดำเนินงานไว้ให้เสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ โดยในส่วนของหลักการมี 3 ข้อ คือ การตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน การป้องกันและส่งเสริมไม่ให้เกิดการทุจริต และการปราบปรามการทุจริต พวกนี้ต้องเสร็จก่อน และจะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากระยะเวลามีจำกัด