เขต “นิวอิงแลนด์” ซึ่งอยู่อาณาบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือสุดของสหรัฐฯ ผจญพายุฤดูหนาว “จูโน” ที่มาพร้อมหิมะสูงท่วมเข่าและลมแรงระดับเฮอร์ริเคน ส่วนนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์ ตลอดจนคอนเนตทิคัต ซึ่งอยู่ต่ำลงมา เผชิญกับภัยธรรมชาตินี้อย่างเบาบาง และทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทางการตื่นตูมเกินกว่าเหตุหรือไม่ ขณะที่หน่วยงานพยากรณ์อากาศยอมรับคาดการณ์ผิดพลาด และนักการเมืองเรียงหน้าออกมาปกป้องนโยบายปลอดภัยไว้ก่อน
ในวันอังคาร (27ม.ค.) พายุ “จูโน” พัดพาหิมะสูงกว่า 60 ซม. ปกคลุมเมืองบอสตัน, มลรัฐแมสซาชูเซตส์ พร้อมลมที่มีความเร็วเกิน 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้เกิดคลื่นสูงทลายแนวกำแพงป้องกันชายฝั่งบางจุด ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือน 11 หลังในเมืองมาร์ชฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ และเรือรบจำลองยุคสงครามปฏิวัติอเมริกันในอู่เรือเมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ พลิกตะแคง
เกือบตลอดทั่วทั้งเขตนิวอิงแลนด์ที่ครอบคลุมพื้นที่ 6 มลรัฐ รถตักหิมะต้องทำงานอย่างหนัก และตำรวจเมืองบอสตัน ของแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งในเขตนี้ ต้องขับรถนำแพทย์และพยาบาลไปส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติโลแกนในบอสตัน มีหิมะหนาเกือบ 60 ซม.ปกคลุมในช่วงค่ำวันอังคาร
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเช้าวันพุธ (28) เหตุการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เที่ยวบินในสนามบินโลแกนและสนามบินสำคัญอื่นๆ กลับมาให้บริการได้อีกครั้ง หลังจากระงับการให้บริการกว่า 4,700 เที่ยวเมื่อวันอังคาร เช่นเดียวกับระบบขนส่งสาธารณะในบอสตัน นิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน
ทั้งนี้ ผู้คนกว่า 35 ล้านคนที่อาศัยอยู่ระหว่างฟิลาเดลเฟียถึงบอสตันเตรียมพร้อมรับความหนาวเหน็บหฤโหดตั้งแต่ค่ำวันจันทร์ (26) หลังจากสำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS) เตือนภัยพายุหิมะที่อาจรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ในแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ทว่า แม้ทั้งเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย, รัฐนิวยอร์ก และรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก็ได้รับคำเตือนว่า อาจมีหิมะสูง 30-60 ซม. แต่กลับปรากฏว่า ที่นิวยอร์ก ซิตี้และนิวเจอร์ซีย์มีหิมะหนาเพียง 25 ซม. ส่วนฟิลาเดลเฟียประมาณ 10 ซม. และมีเพียงนิวอิงแลนด์และเขตลองไอแลนด์ของนิวยอร์กที่เผชิญพายุหิมะ แต่ไม่รุนแรงอย่างที่กลัวกัน
สภาพอากาศที่ไม่สาหัสอย่างที่วิตกส่งผลให้ NWS ต้องออกคำแถลงขอโทษขอโพยประชาชน ขณะที่พวกนักการเมืองที่เป็นผู้บริหารท้องถิ่นต่างพากันปกป้องแก้ต่างการออกคำสั่งห้ามการเดินทางแทบจะโดยสิ้นเชิงกันขนานใหญ่ ซึ่งแม้มีประชาชนจำนวนมากมองว่า เป็นการตื่นตูมเกินไป แต่ประชาชนอีกกลุ่มใหญ่กลับเห็นว่า การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า และกระทั่งให้กำลังใจ NWS
ในวันอังคาร (27ม.ค.) พายุ “จูโน” พัดพาหิมะสูงกว่า 60 ซม. ปกคลุมเมืองบอสตัน, มลรัฐแมสซาชูเซตส์ พร้อมลมที่มีความเร็วเกิน 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้เกิดคลื่นสูงทลายแนวกำแพงป้องกันชายฝั่งบางจุด ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือน 11 หลังในเมืองมาร์ชฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ และเรือรบจำลองยุคสงครามปฏิวัติอเมริกันในอู่เรือเมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ พลิกตะแคง
เกือบตลอดทั่วทั้งเขตนิวอิงแลนด์ที่ครอบคลุมพื้นที่ 6 มลรัฐ รถตักหิมะต้องทำงานอย่างหนัก และตำรวจเมืองบอสตัน ของแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งในเขตนี้ ต้องขับรถนำแพทย์และพยาบาลไปส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติโลแกนในบอสตัน มีหิมะหนาเกือบ 60 ซม.ปกคลุมในช่วงค่ำวันอังคาร
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเช้าวันพุธ (28) เหตุการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เที่ยวบินในสนามบินโลแกนและสนามบินสำคัญอื่นๆ กลับมาให้บริการได้อีกครั้ง หลังจากระงับการให้บริการกว่า 4,700 เที่ยวเมื่อวันอังคาร เช่นเดียวกับระบบขนส่งสาธารณะในบอสตัน นิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน
ทั้งนี้ ผู้คนกว่า 35 ล้านคนที่อาศัยอยู่ระหว่างฟิลาเดลเฟียถึงบอสตันเตรียมพร้อมรับความหนาวเหน็บหฤโหดตั้งแต่ค่ำวันจันทร์ (26) หลังจากสำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS) เตือนภัยพายุหิมะที่อาจรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ในแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ทว่า แม้ทั้งเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย, รัฐนิวยอร์ก และรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก็ได้รับคำเตือนว่า อาจมีหิมะสูง 30-60 ซม. แต่กลับปรากฏว่า ที่นิวยอร์ก ซิตี้และนิวเจอร์ซีย์มีหิมะหนาเพียง 25 ซม. ส่วนฟิลาเดลเฟียประมาณ 10 ซม. และมีเพียงนิวอิงแลนด์และเขตลองไอแลนด์ของนิวยอร์กที่เผชิญพายุหิมะ แต่ไม่รุนแรงอย่างที่กลัวกัน
สภาพอากาศที่ไม่สาหัสอย่างที่วิตกส่งผลให้ NWS ต้องออกคำแถลงขอโทษขอโพยประชาชน ขณะที่พวกนักการเมืองที่เป็นผู้บริหารท้องถิ่นต่างพากันปกป้องแก้ต่างการออกคำสั่งห้ามการเดินทางแทบจะโดยสิ้นเชิงกันขนานใหญ่ ซึ่งแม้มีประชาชนจำนวนมากมองว่า เป็นการตื่นตูมเกินไป แต่ประชาชนอีกกลุ่มใหญ่กลับเห็นว่า การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า และกระทั่งให้กำลังใจ NWS