นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย หรือ Corruption Situation Index : CSI เดือนธันวาคม 2557 พบว่าดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยอยู่ที่ 49 ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันปรับตัวดีขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่ได้คะแนนเพียง 46 สะท้อนถึงแนวโน้มสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
สำหรับข้อค้นพบจากการสำรวจพบว่า เงินเพิ่มพิเศษที่เอกชนทำงานกับภาครัฐจะต้องจ่ายข้าราชการ นักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้สัญญา โดยเฉลี่ยปรับลดลงอย่างต่อเนื่องปัจจุบันอยู่ที่ 5-15 ลดลงจากเดิมที่ผลการสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 25 57 จ่ายอยู่ที่ร้อยละ 15-25 จากที่ในช่วงการสำรวจตั้งแต่ปี 2553-2556 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 25-35
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันปรับตัวดีขึ้นดีที่สุดในรอบ 5 ปี นับการสำรวจตั้งแต่ปี 2553 และถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ โดยร้อยละ 60 ของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไม่รุนแรงขึ้น และปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาดูแลบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายเน้นอย่างจริงจังในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ขณะที่ประชาชนเริ่มที่จะทานทนต่อปัญหาทุจริตคอร์รัปชันลดน้อยลง และถือเป็นครั้งแรกที่ประชาชน และภาคธุรกิจเห็นว่า สถานการณ์น่าจะคลี่คลายและปรับตัวดีขึ้นได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจคาดว่า ผลจากการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยโตเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 ทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ถึงร้อยละ 4 ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีปัญหา
สำหรับข้อค้นพบจากการสำรวจพบว่า เงินเพิ่มพิเศษที่เอกชนทำงานกับภาครัฐจะต้องจ่ายข้าราชการ นักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้สัญญา โดยเฉลี่ยปรับลดลงอย่างต่อเนื่องปัจจุบันอยู่ที่ 5-15 ลดลงจากเดิมที่ผลการสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 25 57 จ่ายอยู่ที่ร้อยละ 15-25 จากที่ในช่วงการสำรวจตั้งแต่ปี 2553-2556 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 25-35
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันปรับตัวดีขึ้นดีที่สุดในรอบ 5 ปี นับการสำรวจตั้งแต่ปี 2553 และถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ โดยร้อยละ 60 ของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไม่รุนแรงขึ้น และปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาดูแลบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายเน้นอย่างจริงจังในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ขณะที่ประชาชนเริ่มที่จะทานทนต่อปัญหาทุจริตคอร์รัปชันลดน้อยลง และถือเป็นครั้งแรกที่ประชาชน และภาคธุรกิจเห็นว่า สถานการณ์น่าจะคลี่คลายและปรับตัวดีขึ้นได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจคาดว่า ผลจากการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยโตเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 ทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ถึงร้อยละ 4 ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีปัญหา
