นายสอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น ประชาชนอาจป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะไข้หวัด และปอดบวม ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่อากาศหนาวเย็น
ทั้งนี้ ไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่ไม่อันตราย ติดต่อกันจากการสัมผัส ใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยเชื้อจะกระจายจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ของผู้ป่วยโดยตรง หรือติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย เริ่มแรกมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำๆ คัดจมูก ไอ จาม ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย อาการมักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยหลังจากวันที่ 3 อาการควรจะเริ่มดีขึ้น ไข้ลดลง อาจไอต่อเนื่องอีก 1-2 สัปดาห์ แต่หากยังไม่ดีขึ้น และมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ คือ มีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเร็ว น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีเหลืองอ่อนๆ เป็นสีเขียว ขอให้สงสัยว่า อาจมีโรคแทรกซ้อนที่ปอด ที่สำคัญคือ โรคปอดบวม หรือที่เรียกว่า ปอดอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ
สำหรับการป้องกันโรคปอดบวม วิธีที่ดี ควรใช้วิธีหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ เช่นเดียวกับการป้องกันโรคหวัด ได้แก่ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดบวม โดยเฉพาะเด็กทารก ถ้าเป็นปอดบวมจะมีอันตรายมาก
ทั้งนี้ ไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่ไม่อันตราย ติดต่อกันจากการสัมผัส ใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยเชื้อจะกระจายจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ของผู้ป่วยโดยตรง หรือติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย เริ่มแรกมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำๆ คัดจมูก ไอ จาม ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย อาการมักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยหลังจากวันที่ 3 อาการควรจะเริ่มดีขึ้น ไข้ลดลง อาจไอต่อเนื่องอีก 1-2 สัปดาห์ แต่หากยังไม่ดีขึ้น และมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ คือ มีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเร็ว น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีเหลืองอ่อนๆ เป็นสีเขียว ขอให้สงสัยว่า อาจมีโรคแทรกซ้อนที่ปอด ที่สำคัญคือ โรคปอดบวม หรือที่เรียกว่า ปอดอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ
สำหรับการป้องกันโรคปอดบวม วิธีที่ดี ควรใช้วิธีหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ เช่นเดียวกับการป้องกันโรคหวัด ได้แก่ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดบวม โดยเฉพาะเด็กทารก ถ้าเป็นปอดบวมจะมีอันตรายมาก
