ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้จัดการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ครั้งที่ 1/2558 โดยมี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน เป็นประธาน นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส.เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อพิจารณาสำนวนคดีตรวจสอบทรัพย์สินจำนวน 258 คดี
โดยการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาสำนวนคดีตรวจสอบทรัพย์สิน จำนวน 258 คดี โดยมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาคดียาเสพติด และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 221 คดี ทรัพย์สินจำนวน 735 รายการ รวมมูลค่า 50.2 ล้านบาท โดยมีสำนักงาน ป.ป.ส.ภาคที่นำเสนอคดีให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินพิจารณา มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับที่ 1 พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 6 (กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี) ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 44 คดี มูลค่า 8.8 ล้านบาท
อันดับที่ 2 พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 8 (กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี) ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 27 คดี มูลค่า 4.7 ล้านบาท
อันดับที่ 3 พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 9 (ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล) ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 32 คดี มูลค่า 4.2 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีคดีที่มีมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดเกินกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 14 คดี รวมมูลค่า 21.3 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินได้มีมติให้นำทรัพย์สินที่ยึด และอายัดไว้จำนวน 1 คดี มูลค่าทรัพย์สิน 320,000 บาท ไปดำเนินการบังคับโทษปรับตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 เพื่อนำทรัพย์สินของผู้ต้องหาไปชำระค่าปรับตามคำพิพากษาของศาล รวมทั้งมีมติให้นำทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้จำนวน 3 คดี มูลค่า 972,000 บาท ส่งต่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
โดยศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ในคดียาเสพติด ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวม 3,947 คดี มูลค่ารวมประมาณ 1,757.30 ล้านบาท ทรัพย์สินซึ่งมิใช่เงินสด ที่ตกเป็นของกองทุนฯ จะถูกไปลงทุนจัดหาผลประโยชน์ หรือขายทอดตลาด เพื่อนำเงินและรายได้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ หรือสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หรือ ผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โดยการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาสำนวนคดีตรวจสอบทรัพย์สิน จำนวน 258 คดี โดยมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาคดียาเสพติด และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 221 คดี ทรัพย์สินจำนวน 735 รายการ รวมมูลค่า 50.2 ล้านบาท โดยมีสำนักงาน ป.ป.ส.ภาคที่นำเสนอคดีให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินพิจารณา มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับที่ 1 พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 6 (กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี) ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 44 คดี มูลค่า 8.8 ล้านบาท
อันดับที่ 2 พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 8 (กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี) ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 27 คดี มูลค่า 4.7 ล้านบาท
อันดับที่ 3 พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 9 (ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล) ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 32 คดี มูลค่า 4.2 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีคดีที่มีมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดเกินกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 14 คดี รวมมูลค่า 21.3 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินได้มีมติให้นำทรัพย์สินที่ยึด และอายัดไว้จำนวน 1 คดี มูลค่าทรัพย์สิน 320,000 บาท ไปดำเนินการบังคับโทษปรับตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 เพื่อนำทรัพย์สินของผู้ต้องหาไปชำระค่าปรับตามคำพิพากษาของศาล รวมทั้งมีมติให้นำทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้จำนวน 3 คดี มูลค่า 972,000 บาท ส่งต่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
โดยศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ในคดียาเสพติด ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวม 3,947 คดี มูลค่ารวมประมาณ 1,757.30 ล้านบาท ทรัพย์สินซึ่งมิใช่เงินสด ที่ตกเป็นของกองทุนฯ จะถูกไปลงทุนจัดหาผลประโยชน์ หรือขายทอดตลาด เพื่อนำเงินและรายได้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ หรือสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หรือ ผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
