ป.ป.ส.มีมติยึดทรัพย์นักค้ายาเสพติด 221 คดี จำนวน 735 รายการ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ 9 จังหวัดในภาคเหนือ ระบุข้อมูลหลังมีการใช้มาตรการยึดทรัพย์ ตั้งแต่ปี 34 ดำเนินยึดทรัพย์นักค้ายาเสพติดไแล้วกว่า 1.7 พันล้านบาท
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินครั้งที่ 1เพื่อพิจารณาสำนวนคดีตรวจสอบทรัพย์สิน จำนวน 258 คดี โดยที่ประชุมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาคดียาเพสติดและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 221 คดี รวมทรัพย์สิน 735 รายการ มูลค่า 50.2 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่ที่มีการยึดและอายัดมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ 1. พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 6 จำนวน 44 คดี รวมมูลค่า 8.8 ล้านบาท 2. พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 8 จำนวน 27 คดี รวมมูลค่า 4.7 ล้านบาท และ 3. พื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 9 จำนวน 32 คดี รวมมูลค่า 4.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้นำทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้จำนวน3คดี มูลค่า972,000 บาท ส่งต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน และอีก 1 คดี มูลค่า 320,000 บาทไปดำเนินการบังคับโทษปรับตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 เพื่อนำทรัพย์สินของผู้ต้องหาไปชำระค่าปรับตามคำพิพากษาของศาล
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มีการบังคับใช้ จนถึงปัจจุบัน ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดียาเสพติดให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรวม 3,947 คดี มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านบาท สำหรับทรัพย์สินที่ไม่ใช่เงินสดที่ตกเป็นของกองทุนฯ จะมีการขายทอดตลาดหรือไปลงทุนจัดหาผลประโยชน์ เพื่อนำรายได้ไปใช้ประโยชน์ และสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด นอกจากนั้นยังนำเงินไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่