สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่ากลุ่มประเทศโอเปคจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 85 เซนต์ ปิดที่ 50.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
อัล โอไตบา เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประจำสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ยูเออีไม่มีแผนที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมัน และยูเออีสามารถรับสภาพตลาดเช่นในปัจจุบันได้อีกนานมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์
ขณะเดียวกันอิรักวางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันในเดือนม.ค. เป็น 3.3 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ส่งออกน้ำมันได้ถึง 2.94 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 11,000 บาร์เรลต่อวัน แตะที่ 9.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2526
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 85 เซนต์ ปิดที่ 50.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
อัล โอไตบา เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประจำสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ยูเออีไม่มีแผนที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมัน และยูเออีสามารถรับสภาพตลาดเช่นในปัจจุบันได้อีกนานมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์
ขณะเดียวกันอิรักวางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันในเดือนม.ค. เป็น 3.3 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ส่งออกน้ำมันได้ถึง 2.94 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 11,000 บาร์เรลต่อวัน แตะที่ 9.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2526