รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ม.ค. มีชาวบ้าน ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี กว่า 200 คน รวมตัวกันที่วัดโคมนาราม(วัดในบางแก้ว) หมู่ 4 ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม ขับไล่พระอธิการปรีชา สมฺปชาโน เจ้าอาวาสวัดให้พ้นไปจากวัด ซึ่งอ้างว่าพระอธิการปรีชา มีพฤติกรรมทางการเงินไม่โปร่งใส แอบนำเอาโฉนดที่ดินของวัดไปหาประโยชน์ในทางมิชอบ และทวีความรุนแรงขึ้นถึงขั้นมีชาวบ้านใช้กำลังทำร้ายพระอธิการปรีชา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระงับเหตุและตกลงเชิญผู้เกี่ยวข้องมาประชุมยุติปัญหา
ต่อมาในเวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ ฤกษ์ทวีสุข นายอำเภอบ้านแหลม พร้อมด้วยนางนันทิรา ชูเกตุ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา และนางสาวอารีย์ เถรว่อง เจ้าพนักงานที่ดินอ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เดินทางมาที่วัดโคมนาราม เข้าร่วมประชุมยุติปัญหากรณีดังกล่าว โดยเชิญพระอธิการปรีชา เจ้าอาวาส และ นายอภัย ใคร่ครวญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางแก้ว ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมโดยมีชาวบ้านกว่า 200 คน เดินทางมาสังเกตการณ์และห้อมล้อมสถานที่ประชุม โดยขณะประชุมชาวบ้านต่างโห่ร้องขับไล่เจ้าอาวาสตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่จาก สภ.บ้านแหลม และ ตร.นอกเครื่องแบบจาก กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.15 ที่มาดูแลรักษาความสงบ กว่า 20 นาย ต้องห้ามปรามตลอดเวลา
เบื้องต้นนางไพเราะ เอี่ยมสวัสดิ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ 2 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีเล่าว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 15 วันที่ผ่านมา มีนายก๋อย เอี่ยมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นคนขับรถพระอธิการปรีชานำสำเนาโฉนดที่ดิน จำนวน 9 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา ที่มีชื่อนายยุ้ย เอี่ยมสวัสดิ์ ลุงของตนซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้วเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มาให้ที่บ้านบอกถ้าอยากได้ที่ดินให้ติดต่อไปยังนายบ่าย ชาว ต.ยางชุม ด้วยความอยากได้ที่ดินตนจึงเดินทางไปหา โดยนายบ่ายได้บอกกับตนว่าเป็นตัวแทนของพระอธิการปรีชา ถ้าอยากได้ที่ดินให้นำเงินจำนวน 50,000 บาท มาให้แล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ทันที เบื้องต้นตนได้ปฏิเสธ และต่อมาได้เดินทางมาที่ อบต.บางแก้ว เพื่อตรวจสอบพิกัดที่ตั้งที่ดิน กระทั่งทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตั้งของวัดซึ่งมีโบสถ์ วิหาร และเสนาสนะต่างๆ ตั้งอยู่ จึงขอถอนตัวเพราะแม้จะมีชื่อญาติตนเป็นเจ้าของแต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดไปนานแล้วไม่อยากยุ่งเกี่ยวและไม่อยากเป็นความกับวัดให้นรกถามหา
ขณะประชุมนายอภัย ได้สอบถามพระอธิการปรีชา ถึงโฉนดที่ดินของวัดอีกแปลงจำนวน 23 ไร่เศษ ปรากฏว่าพระอธิการปรีชาปฏิเสธไม่ได้นำโฉนดดังกล่าวไปจำนอง แต่ไม่สามารถนำโฉนดมาแสดงได้โดยอ้างว่าเก็บไว้นานหาไม่พบ ส่วนโฉนดจำนวน 9 ไร่ พระอธิการปรีชายืนยันว่าต้องการนำไปมอบให้ทายาทของนายยุ้ย เจ้าของโฉนด ทำให้ชาวบ้านที่ร่วมฟังความเกิดความไม่พอใจ โห่ร้องตะโกนกล่าวหาพระอธิการปรีชาว่าเอาที่ดินวัดไปขาย ถูกจับได้กระทำผิดแต่ไม่ยอมรับต่อหลักฐาน และยังนำโฉนด 23 ไร่ไปจำนองอีก และยื่นคำขาดให้พระอธิการปรีชานำโฉนดทั้งสองฉบับมาคืน และออกไปจากวัดโดยทันที
ทั้งนี้เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มรอบสถานที่ประชุมมากขึ้น และโห่ร้องกล่าวถ้อยคำขับไล่อย่างรุนแรงตลอดเวลา จึงประสานแจ้งไปยังพระครูบวรรัตนวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง เจ้าคณะตำบลบางแก้ว อ.บ้านแหลมขอให้พระอธิการปรีชา ทำตามคำร้องขอของชาวบ้าน และได้บทสรุป ให้พระอธิการปรีชาออกจากวัดโคมนาราม ไปจำวัดที่วัดบางลำพู อ.บ้านแหลม และให้พระอธิการนำโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับคืนที่วัดโดยเร็ว ทั้งนี้ขณะที่พระอธิการปรีชาไปจำวัดที่วัดบางลำพู คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรีจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหากกระทำผิดจะดำเนินการทางวินัยสงฆ์ และหากไม่มีการนำโฉนดมาคืนจะดำเนินคดีทางอาญาด้วย
เบื้องต้นพระอธิการปรีชาขอเวลาเดินทางในช่วงเช้าวันที่ 10 มกราคม แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม อ้างว่าอยู่นานจะเป็นบาปต่อวัด และให้พระอธิการปรีชาเก็บของออกจากวัดภายใน 2 ชั่วโมง พระอธิการปรีชาจึงได้เก็บของใช้ส่วนตัวและเดินทางออกจากวัดโคมนารามไปในเวลา 14.30 น.โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแหลม ขับรถไปส่ง ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 200 คน ที่เดินขบวนตามไปส่งด้วยความพอใจ และมีบางส่วนตะโกนไล่ไม่ให้พระอธิการปรีชากลับมาอีก
ด้านนางสาวอารีย์ เจ้าพนักงานที่ดินฯ กล่าวว่าปัญหาที่ดินวัดเป็นชื่อของบุคคลมีหลายแห่ง แต่ไม่ค่อยปรากฏว่าจะมีการนำไปจำนำจำนอง หรือจำหน่าย แต่เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดปัญหา แนะนำให้วัดไปทำการโอนเปลี่ยนชื่อเป็นกรรมสิทธ์ของวัด โดยให้เจ้าของชื่อในโฉนด หรือทายาทเป็นผู้โอนสิทธิ์ หรือหากตกลงไม่ได้ให้ยื่นเรื่องต่อศาลพิจารณา จากนั้นที่ดินยินดีมาดำเนินการให้ถึงที่วัด
ในส่วนของชาวบ้านที่กระโดดถีบพระอธิการปรีชาเมื่อคืนวันที่ 8 มกราคม ทราบชื่อต่อมาคือ นายสายันต์ เทพคีรี อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 7 หมู่ 4 ต.บางแก้ว ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ ร.ต.ท.สนธิชัย ชูเชิด ร้อยเวร สภ.บ้านแหลม และถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย เปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท
ต่อมาในเวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ ฤกษ์ทวีสุข นายอำเภอบ้านแหลม พร้อมด้วยนางนันทิรา ชูเกตุ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา และนางสาวอารีย์ เถรว่อง เจ้าพนักงานที่ดินอ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เดินทางมาที่วัดโคมนาราม เข้าร่วมประชุมยุติปัญหากรณีดังกล่าว โดยเชิญพระอธิการปรีชา เจ้าอาวาส และ นายอภัย ใคร่ครวญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางแก้ว ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมโดยมีชาวบ้านกว่า 200 คน เดินทางมาสังเกตการณ์และห้อมล้อมสถานที่ประชุม โดยขณะประชุมชาวบ้านต่างโห่ร้องขับไล่เจ้าอาวาสตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่จาก สภ.บ้านแหลม และ ตร.นอกเครื่องแบบจาก กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.15 ที่มาดูแลรักษาความสงบ กว่า 20 นาย ต้องห้ามปรามตลอดเวลา
เบื้องต้นนางไพเราะ เอี่ยมสวัสดิ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ 2 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีเล่าว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 15 วันที่ผ่านมา มีนายก๋อย เอี่ยมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นคนขับรถพระอธิการปรีชานำสำเนาโฉนดที่ดิน จำนวน 9 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา ที่มีชื่อนายยุ้ย เอี่ยมสวัสดิ์ ลุงของตนซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้วเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มาให้ที่บ้านบอกถ้าอยากได้ที่ดินให้ติดต่อไปยังนายบ่าย ชาว ต.ยางชุม ด้วยความอยากได้ที่ดินตนจึงเดินทางไปหา โดยนายบ่ายได้บอกกับตนว่าเป็นตัวแทนของพระอธิการปรีชา ถ้าอยากได้ที่ดินให้นำเงินจำนวน 50,000 บาท มาให้แล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ทันที เบื้องต้นตนได้ปฏิเสธ และต่อมาได้เดินทางมาที่ อบต.บางแก้ว เพื่อตรวจสอบพิกัดที่ตั้งที่ดิน กระทั่งทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตั้งของวัดซึ่งมีโบสถ์ วิหาร และเสนาสนะต่างๆ ตั้งอยู่ จึงขอถอนตัวเพราะแม้จะมีชื่อญาติตนเป็นเจ้าของแต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดไปนานแล้วไม่อยากยุ่งเกี่ยวและไม่อยากเป็นความกับวัดให้นรกถามหา
ขณะประชุมนายอภัย ได้สอบถามพระอธิการปรีชา ถึงโฉนดที่ดินของวัดอีกแปลงจำนวน 23 ไร่เศษ ปรากฏว่าพระอธิการปรีชาปฏิเสธไม่ได้นำโฉนดดังกล่าวไปจำนอง แต่ไม่สามารถนำโฉนดมาแสดงได้โดยอ้างว่าเก็บไว้นานหาไม่พบ ส่วนโฉนดจำนวน 9 ไร่ พระอธิการปรีชายืนยันว่าต้องการนำไปมอบให้ทายาทของนายยุ้ย เจ้าของโฉนด ทำให้ชาวบ้านที่ร่วมฟังความเกิดความไม่พอใจ โห่ร้องตะโกนกล่าวหาพระอธิการปรีชาว่าเอาที่ดินวัดไปขาย ถูกจับได้กระทำผิดแต่ไม่ยอมรับต่อหลักฐาน และยังนำโฉนด 23 ไร่ไปจำนองอีก และยื่นคำขาดให้พระอธิการปรีชานำโฉนดทั้งสองฉบับมาคืน และออกไปจากวัดโดยทันที
ทั้งนี้เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มรอบสถานที่ประชุมมากขึ้น และโห่ร้องกล่าวถ้อยคำขับไล่อย่างรุนแรงตลอดเวลา จึงประสานแจ้งไปยังพระครูบวรรัตนวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง เจ้าคณะตำบลบางแก้ว อ.บ้านแหลมขอให้พระอธิการปรีชา ทำตามคำร้องขอของชาวบ้าน และได้บทสรุป ให้พระอธิการปรีชาออกจากวัดโคมนาราม ไปจำวัดที่วัดบางลำพู อ.บ้านแหลม และให้พระอธิการนำโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับคืนที่วัดโดยเร็ว ทั้งนี้ขณะที่พระอธิการปรีชาไปจำวัดที่วัดบางลำพู คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรีจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหากกระทำผิดจะดำเนินการทางวินัยสงฆ์ และหากไม่มีการนำโฉนดมาคืนจะดำเนินคดีทางอาญาด้วย
เบื้องต้นพระอธิการปรีชาขอเวลาเดินทางในช่วงเช้าวันที่ 10 มกราคม แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม อ้างว่าอยู่นานจะเป็นบาปต่อวัด และให้พระอธิการปรีชาเก็บของออกจากวัดภายใน 2 ชั่วโมง พระอธิการปรีชาจึงได้เก็บของใช้ส่วนตัวและเดินทางออกจากวัดโคมนารามไปในเวลา 14.30 น.โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแหลม ขับรถไปส่ง ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 200 คน ที่เดินขบวนตามไปส่งด้วยความพอใจ และมีบางส่วนตะโกนไล่ไม่ให้พระอธิการปรีชากลับมาอีก
ด้านนางสาวอารีย์ เจ้าพนักงานที่ดินฯ กล่าวว่าปัญหาที่ดินวัดเป็นชื่อของบุคคลมีหลายแห่ง แต่ไม่ค่อยปรากฏว่าจะมีการนำไปจำนำจำนอง หรือจำหน่าย แต่เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดปัญหา แนะนำให้วัดไปทำการโอนเปลี่ยนชื่อเป็นกรรมสิทธ์ของวัด โดยให้เจ้าของชื่อในโฉนด หรือทายาทเป็นผู้โอนสิทธิ์ หรือหากตกลงไม่ได้ให้ยื่นเรื่องต่อศาลพิจารณา จากนั้นที่ดินยินดีมาดำเนินการให้ถึงที่วัด
ในส่วนของชาวบ้านที่กระโดดถีบพระอธิการปรีชาเมื่อคืนวันที่ 8 มกราคม ทราบชื่อต่อมาคือ นายสายันต์ เทพคีรี อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 7 หมู่ 4 ต.บางแก้ว ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ ร.ต.ท.สนธิชัย ชูเชิด ร้อยเวร สภ.บ้านแหลม และถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย เปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท