จากกรณีมีการเปิดศึกแย่งทรัพย์สิน-มรดก 5 พันล้านบาท ของพระครูประสาทพรหมคุณ หรือ “หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองช้าง อดีตเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ที่ละสังขารไปเมื่อเดือนมี.ค.57 แต่ทางวัด-กรรมการ ผนึกกำลังต่อสู้กับลูกศิษย์-เครือญาติแย่งสมบัติของหลวงปู่หงษ์ โดยยกแรกศาลตัดสินให้ทางวัดชนะได้จัดการมรดก แต่ยังวุ่นวายไม่เลิกเมื่ออีกฝ่ายใช้โซ่คล้องล็อกกุญแจห้ามเข้ากุฎิตรวจสอบเงินสด-ทองรูปพรรณ-วัตถุมงคลล้ำค่า ต้องขึ้นโรงพักแจ้งความจับกันวุ่นวาย แถมยังฟ้องอายัดบัญชีอีก 49 ล้านบาท โดยศาลจะตัดสินในวันที่ 26 ธ.ค.57 ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 3 ศาลจังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนางรัตนา เกษมบุญ ทำหน้าที่แทนประธานตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่หงษ์ พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ ยงยิ่งยืน เลขานุการ รองเจ้าอาวาสฝ่ายฆารวาส และรักษาการแทนไวยาวัจกร ที่ได้รับมอบอำนาจจากวัดเพชรบุรี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเรียกเงินคืนให้กับวัดเพชรบุรี โดยทางวัดเพชรบุรีแต่งตั้งทีมทนายความ 3 คน มี นายณรงค์ฤทธิ์ ชัยสุวรรณ์ นายภูมิศักดิ์ ชูชื่นบุญ และน.ส.อุทุมพร เพ็งคำศรี
ทั้งนี้นายณรงค์ฤทธิ์หัวหน้าทีมทนายความ ได้ฟ้องเรียกเงินของวัดเพชรบุรี กลับคืนมาจากนายเสกสรร พรหมนุช จำเลยที่ 1 นายคนัช ลักษวุธ จำเลยที่ 2 ด.ต.ไชยา ยิ่งผล จำเลยที่ 3 น.ส.ยศ กำลังสง่า จำเลยที่ 4 กับพวกรวม 7 คน จำนวนประมาณ 24 ล้านบาทเศษ โดยวันนี้ศาลจังหวัดสุรินทร์ได้พิพากษาให้จำเลยทั้ง 7 คน ส่งมอบเงินซึ่งเป็นของหลวงปู่หงษ์ตกเป็นของวัดเพชรบุรีต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้จำเลยที่ 1 - 4 สู้คดีอ้างว่าไม่ใช่เงินของวัด แต่อีก 3 คนไม่ต่อสู้คดี และยอมรับว่าเป็นเงินของวัด ศาลจึงพิพากษาให้ทรัพย์สินเงินสด 24 ล้านเศษ ตกเป็นของวัด
นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า ยังมีคดีที่วัดฟ้องเรียกร้องเงินจำนวน 25 ล้านบาท ที่กำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล จากกลุ่มบุคคลดังกล่าวอีกเช่นกัน และมีคดีที่วัดได้ฟ้องขับไล่นายกิตติศักดิ์ คันธกุลดุษฎี ผู้จัดการทรัพย์สินและมรดกของหลวงปู่หงษ์ และนายสุรศักดิ์ สินประโคน นายกอบต.ทุ่งมน ที่อ้างว่ามีสิทธิ ในทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสุสาน ทั้งนี้คดีฟ้องขับไล่อยู่ในระหว่างพิจารณาเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 18 พ.ย.57 นายกิตติศักดิ์ได้เข้ามาร้องคัดค้านการจัดการมรดกของวัดเพชรบุรี แต่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าพินัยกรรมที่นายกิตตศักดิ์อ้างว่าหลวงปู่หงษ์ยกทรัพย์สินให้นั้นไม่เป็นพินัยกรรม และไม่มีสิทธิ์ดีไปกว่าวัดเพชรบุรี ตนคิดว่าการที่ทรัพย์สินเป็นของวัดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ควรเป็นของเอกชนคนใดคนหนึ่ง ขอขอบคุณศาลสถิตย์ยุติธรรมที่ติดสินให้ทรัพย์สินเป็นของวัด เพื่อนำมาทำนุบำรุงพุทธศาสนาต่อไป
ขณะที่ นางรัตนาผู้ทำหน้าที่แทนประธานตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่หงษ์ กล่าวว่าสมบัติของหลวงปู่ทุกชิ้น ทุกอันที่เรียกคืนได้ ต้องตกเป็นของวัด กลุ่มบุคลใดจะเข้ามาครอบครองไม่ได้ เหตุผลที่ต้องต่อสู้ในครั้งนี้ ตนไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิน แต่ทำไปเพื่อวัดและเพื่อสังคมเท่านั้น
ส่วนนายทวีศักดิ์กล่าวว่า ตนได้รับแต่งตั้งจากวัด แล้วได้มอบให้ทนายฟ้องต่อศาล จนกระทั่งศาลตัดสินให้จำเลยคืนเงินให้กับวัด นอกจากนี้ยังมีคดีขับไล่ต่อไปอีก ส่วนทรัพย์สินของหลวงปู่หงส์ ทางคณะกรรมการวัดกำลังตรวจสอบ เพราะยังมีทรัพย์สินอีกหลายอย่าง ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าได้
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 3 ศาลจังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนางรัตนา เกษมบุญ ทำหน้าที่แทนประธานตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่หงษ์ พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ ยงยิ่งยืน เลขานุการ รองเจ้าอาวาสฝ่ายฆารวาส และรักษาการแทนไวยาวัจกร ที่ได้รับมอบอำนาจจากวัดเพชรบุรี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเรียกเงินคืนให้กับวัดเพชรบุรี โดยทางวัดเพชรบุรีแต่งตั้งทีมทนายความ 3 คน มี นายณรงค์ฤทธิ์ ชัยสุวรรณ์ นายภูมิศักดิ์ ชูชื่นบุญ และน.ส.อุทุมพร เพ็งคำศรี
ทั้งนี้นายณรงค์ฤทธิ์หัวหน้าทีมทนายความ ได้ฟ้องเรียกเงินของวัดเพชรบุรี กลับคืนมาจากนายเสกสรร พรหมนุช จำเลยที่ 1 นายคนัช ลักษวุธ จำเลยที่ 2 ด.ต.ไชยา ยิ่งผล จำเลยที่ 3 น.ส.ยศ กำลังสง่า จำเลยที่ 4 กับพวกรวม 7 คน จำนวนประมาณ 24 ล้านบาทเศษ โดยวันนี้ศาลจังหวัดสุรินทร์ได้พิพากษาให้จำเลยทั้ง 7 คน ส่งมอบเงินซึ่งเป็นของหลวงปู่หงษ์ตกเป็นของวัดเพชรบุรีต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้จำเลยที่ 1 - 4 สู้คดีอ้างว่าไม่ใช่เงินของวัด แต่อีก 3 คนไม่ต่อสู้คดี และยอมรับว่าเป็นเงินของวัด ศาลจึงพิพากษาให้ทรัพย์สินเงินสด 24 ล้านเศษ ตกเป็นของวัด
นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า ยังมีคดีที่วัดฟ้องเรียกร้องเงินจำนวน 25 ล้านบาท ที่กำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล จากกลุ่มบุคคลดังกล่าวอีกเช่นกัน และมีคดีที่วัดได้ฟ้องขับไล่นายกิตติศักดิ์ คันธกุลดุษฎี ผู้จัดการทรัพย์สินและมรดกของหลวงปู่หงษ์ และนายสุรศักดิ์ สินประโคน นายกอบต.ทุ่งมน ที่อ้างว่ามีสิทธิ ในทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสุสาน ทั้งนี้คดีฟ้องขับไล่อยู่ในระหว่างพิจารณาเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 18 พ.ย.57 นายกิตติศักดิ์ได้เข้ามาร้องคัดค้านการจัดการมรดกของวัดเพชรบุรี แต่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าพินัยกรรมที่นายกิตตศักดิ์อ้างว่าหลวงปู่หงษ์ยกทรัพย์สินให้นั้นไม่เป็นพินัยกรรม และไม่มีสิทธิ์ดีไปกว่าวัดเพชรบุรี ตนคิดว่าการที่ทรัพย์สินเป็นของวัดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ควรเป็นของเอกชนคนใดคนหนึ่ง ขอขอบคุณศาลสถิตย์ยุติธรรมที่ติดสินให้ทรัพย์สินเป็นของวัด เพื่อนำมาทำนุบำรุงพุทธศาสนาต่อไป
ขณะที่ นางรัตนาผู้ทำหน้าที่แทนประธานตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่หงษ์ กล่าวว่าสมบัติของหลวงปู่ทุกชิ้น ทุกอันที่เรียกคืนได้ ต้องตกเป็นของวัด กลุ่มบุคลใดจะเข้ามาครอบครองไม่ได้ เหตุผลที่ต้องต่อสู้ในครั้งนี้ ตนไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิน แต่ทำไปเพื่อวัดและเพื่อสังคมเท่านั้น
ส่วนนายทวีศักดิ์กล่าวว่า ตนได้รับแต่งตั้งจากวัด แล้วได้มอบให้ทนายฟ้องต่อศาล จนกระทั่งศาลตัดสินให้จำเลยคืนเงินให้กับวัด นอกจากนี้ยังมีคดีขับไล่ต่อไปอีก ส่วนทรัพย์สินของหลวงปู่หงส์ ทางคณะกรรมการวัดกำลังตรวจสอบ เพราะยังมีทรัพย์สินอีกหลายอย่าง ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าได้
