วันนี้ (24 ธ.ค.) น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยนางทิพอาภา สุฉันทบุตร มารดานายวสุ สุฉันทบุตร ที่เสียชีวิตจากการเข้าร่วมชุมนุมหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในวันที่ 26 ธ.ค. 56 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการจับฉลากหมายเลขของพรรคการเมืองเพื่อใช้ในการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ได้เข้ายื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำพิพากษาสั่งให้ผู้ถูกฟ้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 44,132,810 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง
น.ส.พวงทิพย์กล่าวว่า เหตุที่ต้องฟ้องคดีเนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการดูแล ปกป้อง รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม แต่ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับละเลยปล่อยให้มีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีคำสั่งให้มีการสลายการชุมนุมต่อผู้ชุมนุม ถือว่าเป็นกระทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังไม่เป็นไปตามแผนขั้นตอนของการสลายการชุมนุม ก่อให้เกิดเหตุความรุนแรงและการสูญเสียตามมา และที่การฟ้องคดีล่าช้าก็เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากคดีของนายวสุยังอยู่ระหว่างการไต่สวนการตายอยู่ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวเกิดขึ้นมาเกือบจะครบปีแล้ว แต่ตำรวจยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้เลย จึงต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายให้ผู้ถูกฟ้องรับผิดชอบผลที่เกิดการจากกระทำของเจ้าหน้าที่ และจากการที่มีคำสั่งในการสลายการชุมนุม
ด้านนางทิพอาภากล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าทำให้ครอบครัวสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะวสุเป็นลูกคนเดียว ก่อนหน้านั้นก็อยู่กันสองคนแม่ลูก หลังสูญเสียลูกชายทางครอบครัวไม่เคยได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยาใดๆ จากภาครัฐเลย ขณะเดียวกันก็ได้พยายามที่จะไปติดตามความคืบหน้าของคดีแต่ทางหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดงก็กลับระบุว่าให้ครอบครัวไปหาหลักฐานมา ที่ผ่านมาจึงได้พยายามเก็บเงินจนได้เงิน 1 ล้าน จึงขอประกาศว่าหากใครสามารถให้เบาะแสจนสามารถนำตัวคนที่ลั่นกระสุนใส่นายวสุมาขึ้นศาลได้ก็จะจ่ายเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทให้ทันที
น.ส.พวงทิพย์กล่าวว่า เหตุที่ต้องฟ้องคดีเนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการดูแล ปกป้อง รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม แต่ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับละเลยปล่อยให้มีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีคำสั่งให้มีการสลายการชุมนุมต่อผู้ชุมนุม ถือว่าเป็นกระทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังไม่เป็นไปตามแผนขั้นตอนของการสลายการชุมนุม ก่อให้เกิดเหตุความรุนแรงและการสูญเสียตามมา และที่การฟ้องคดีล่าช้าก็เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากคดีของนายวสุยังอยู่ระหว่างการไต่สวนการตายอยู่ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวเกิดขึ้นมาเกือบจะครบปีแล้ว แต่ตำรวจยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้เลย จึงต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายให้ผู้ถูกฟ้องรับผิดชอบผลที่เกิดการจากกระทำของเจ้าหน้าที่ และจากการที่มีคำสั่งในการสลายการชุมนุม
ด้านนางทิพอาภากล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าทำให้ครอบครัวสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะวสุเป็นลูกคนเดียว ก่อนหน้านั้นก็อยู่กันสองคนแม่ลูก หลังสูญเสียลูกชายทางครอบครัวไม่เคยได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยาใดๆ จากภาครัฐเลย ขณะเดียวกันก็ได้พยายามที่จะไปติดตามความคืบหน้าของคดีแต่ทางหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดงก็กลับระบุว่าให้ครอบครัวไปหาหลักฐานมา ที่ผ่านมาจึงได้พยายามเก็บเงินจนได้เงิน 1 ล้าน จึงขอประกาศว่าหากใครสามารถให้เบาะแสจนสามารถนำตัวคนที่ลั่นกระสุนใส่นายวสุมาขึ้นศาลได้ก็จะจ่ายเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทให้ทันที