ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวานนี้(11ธ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย จากตัวเลขค้าปลีกที่สดใส แต่ความคึกคักถูกฉุดรั้งไว้โดยความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ร่วงลงหนักและยังคงปรับลดอย่างต่อเนื่อง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 63.19 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,596.34 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.19 จุด (0.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,035.33 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 24.13 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,708.16 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเป็นเวลาหลายวันก่อนหน้านี้ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. ปรับตัวลง 3,000 ราย แตะที่ 294,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใน 3 สัปดาห์ นับเป็นสัญญาณล่าสุดว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ เสื้อผ้า และยอดขายสินค้าอื่นๆ ในขณะที่ฤดูกาลจับจ่ายซื้อสินค้าช่วงเทศกาลวันหยุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน เนื่องจากร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและร้านเสื้อผ้าจัดเตรียมสินค้าเข้าสต็อกเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวันเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีรายงานว่าคูเวตประกาศลดราคาขายน้ำมันดิบให้กับลูกค้าในเอเชีย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง โดยหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง ร่วงลง 3.4% หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์ ดิ่งลง 3.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 63.19 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,596.34 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.19 จุด (0.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,035.33 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 24.13 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,708.16 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเป็นเวลาหลายวันก่อนหน้านี้ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. ปรับตัวลง 3,000 ราย แตะที่ 294,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใน 3 สัปดาห์ นับเป็นสัญญาณล่าสุดว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ เสื้อผ้า และยอดขายสินค้าอื่นๆ ในขณะที่ฤดูกาลจับจ่ายซื้อสินค้าช่วงเทศกาลวันหยุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน เนื่องจากร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและร้านเสื้อผ้าจัดเตรียมสินค้าเข้าสต็อกเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวันเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีรายงานว่าคูเวตประกาศลดราคาขายน้ำมันดิบให้กับลูกค้าในเอเชีย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง โดยหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง ร่วงลง 3.4% หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์ ดิ่งลง 3.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน
