นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในปี 2558 ยังคงสดใส ซึ่งคาดว่าไทยจะสามารถส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มได้ประมาณร้อยละ 4 จากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีผลต่อยอดคำสั่งซื้อที่ฟื้นตัว ประกอบกับจะได้รับอานิสงส์จากส่วนแบ่งตลาดของประเทศญี่ปุ่นที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากมีการลดคำสั่งซื้อจากประเทศจีน เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจ
ส่วนตลาดของประเทศเกาหลีและฮ่องกงแม้ในปีนี้ปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะมีคำสั่งซื้อมากขึ้น ขณะที่ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) แม้จะมีการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ โดยสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม จะกลับไปเสียภาษีเต็มจำนวนที่ประมาณร้อยละ 12 จากเดิมได้รับสิทธิลดภาษีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.4 ทำให้เชื่อว่าผู้ซื้อสินค้าสามารถยอมรับได้ในราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิจีเอสพีมากเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังตลาดอียูยังต้องติดตามถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจที่จะเป็นตัวแปรกระทบต่อการส่งออก พร้อมต้องติดตามประเทศคู่แข่งการส่งออก สินค้าเครื่องนุ่งห่ม ได้แก่ ประเทศกลุ่ม CLMV และเอเชียใต้
นายวัลลภ กล่าวว่า กระแสความนิยมของเสื้อผ้าในประเทศไทยปีหน้าจะเป็นในรูปแบบเสื้อเชิ้ตยาวของผู้หญิง (เดรสเชิ้ต) และเสื้อภาพเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรม และคุณสมบัติของเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี รวมถึงวัตถุดิบรีไซเคิล อาทิ การนำขวดพลาสติก (PET) มาผลิตเป็นเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งจะช่วยประหยัดในส่วนของพลังงานได้ ขณะที่เสื้อผ้ากีฬาจะเริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่ช่วงปลายปีประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งมาจากอานิสงส์ของการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ภาพรวม 10 เดือนแรก ปี 2557 พบว่าในส่วนของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มการผลิต สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มยังขยายตัวได้โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้า สำเร็จรูป โดยผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาอาจได้รับอานิสงส์จากคำสั่งซื้อในลีกกีฬาประเภทต่างๆ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกขยายตัว สำหรับการผลิตเส้นใยสิ่งทอ และผ้าผืนอาจหดตัว
อย่างไรก็ตาม อาจมีความต้องการโดยเฉพาะในตลาดอาเซียน ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ประกอบกับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น คาดว่า จะขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มปี 2558 คาดว่าการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในภาพรวมจะยังขยายตัวได้ทั้งภาคการผลิตและการส่งออก โดยในกลุ่มสิ่งทอจะเป็นการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาดอาเซียนเป็นส่วนใหญ่
ส่วนตลาดของประเทศเกาหลีและฮ่องกงแม้ในปีนี้ปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะมีคำสั่งซื้อมากขึ้น ขณะที่ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) แม้จะมีการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ โดยสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม จะกลับไปเสียภาษีเต็มจำนวนที่ประมาณร้อยละ 12 จากเดิมได้รับสิทธิลดภาษีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.4 ทำให้เชื่อว่าผู้ซื้อสินค้าสามารถยอมรับได้ในราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิจีเอสพีมากเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังตลาดอียูยังต้องติดตามถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจที่จะเป็นตัวแปรกระทบต่อการส่งออก พร้อมต้องติดตามประเทศคู่แข่งการส่งออก สินค้าเครื่องนุ่งห่ม ได้แก่ ประเทศกลุ่ม CLMV และเอเชียใต้
นายวัลลภ กล่าวว่า กระแสความนิยมของเสื้อผ้าในประเทศไทยปีหน้าจะเป็นในรูปแบบเสื้อเชิ้ตยาวของผู้หญิง (เดรสเชิ้ต) และเสื้อภาพเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรม และคุณสมบัติของเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี รวมถึงวัตถุดิบรีไซเคิล อาทิ การนำขวดพลาสติก (PET) มาผลิตเป็นเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งจะช่วยประหยัดในส่วนของพลังงานได้ ขณะที่เสื้อผ้ากีฬาจะเริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่ช่วงปลายปีประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งมาจากอานิสงส์ของการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ภาพรวม 10 เดือนแรก ปี 2557 พบว่าในส่วนของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มการผลิต สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มยังขยายตัวได้โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้า สำเร็จรูป โดยผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาอาจได้รับอานิสงส์จากคำสั่งซื้อในลีกกีฬาประเภทต่างๆ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกขยายตัว สำหรับการผลิตเส้นใยสิ่งทอ และผ้าผืนอาจหดตัว
อย่างไรก็ตาม อาจมีความต้องการโดยเฉพาะในตลาดอาเซียน ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ประกอบกับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น คาดว่า จะขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มปี 2558 คาดว่าการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในภาพรวมจะยังขยายตัวได้ทั้งภาคการผลิตและการส่งออก โดยในกลุ่มสิ่งทอจะเป็นการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาดอาเซียนเป็นส่วนใหญ่