การบริโภคในประเทศทรุดตัว ฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ตอกย้ำจีดีพีหลุด 2% หวังท่องเที่ยว-ค้าชายแดน-การเบิกจ่ายรัฐประคองเศรษฐกิจไทยช่วงสิ้นปี ขณะที่กลุ่มยานยนต์หั่นเป้าการผลิตรถปีนี้เหลือ 2.1 ล้านคัน คงเป้าผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน แต่หั่นเป้าผลิตเพื่อขายในประเทศเหลือ 9 แสนคัน
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ก.ย. 2557 อยู่ที่ระดับ 86.1 ลดลงจาก 88.7 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจซบเซาจากการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง ส่งผลให้การส่งออกของไทยลดลงตามไปด้วย
“การส่งออกของไทยในปีนี้ค่อนข้างฉุดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) มาก ทำให้ปีนี้ทั้งปีโอกาสที่จะเห็นจีดีพีโตได้ 2% คงเป็นไปได้ยาก โดยคาดจีดีพีจะโตได้ 1.7-1.8% เพราะการลงทุนจากภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามอีก 3 เดือนสุดท้ายที่เหลือของปีนี้ ประเมินภาคการท่องเที่ยวจะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะมีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาไทยได้แค่ไหน” นายสุพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ ช่วงที่เหลือของปีนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะมีมาตรการผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยเพียงใด เช่น การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ที่เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น การเจรจาการค้าแบบทวิภาคีหรือการค้าชายแดนที่ยังขยายตัวได้ดีมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้เป็นหลัก โดยเฉพาะการสนับสนุนให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ถือว่ารัฐบาลเดินทางถูกทางแล้ว แต่ควรเร่งรัดขั้นตอนออกกฎหมายรองรับ การจัดหาพื้นที่และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว รวมถึงมีมาตรการรองรับกรณีที่สิทธิพิเศษทางภาษีสินค้าไทยกับยุโรปจะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปีนี้ เป็นต้น
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้ปรับตัวเลขประมาณการผลิตรถยนต์ในปี2557 อยู่ที่ประมาณ 2.1ล้านคัน โดยปรับลดเป้าการผลิตจากเป้าเดิมลง 100,000 คัน น้อยกว่าปี พ.ศ. 2556 จำนวน 357,057 คัน ลดลง14.53% แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก คงเป้าเดิม 1.2ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1.1 ล้านคัน ส่วนผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ปรับลดลงจากเป้าเดิม 100,000 คัน เป็นผลิต 900,000 คัน ลดลงจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1.3 ล้านคัน เนื่องจากการบริโภคในประเทศชะลอตัวประกอบกับหมดโครงการรถยนต์คันแรก