นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานในการไกล่เกลี่ยคู่กรณีปัญหาหนี้สินนอกระบบ หน้าศูนย์ดำรงธรรม เนื่องจากว่าทางศูนย์ฯได้รับแจ้งจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์จากนายทิ้ง ชั้นตะ อายุ 79 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 3 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินนอกระบบ โดยผู้ร้องได้กู้ยืมเงินจากนายเฉลียว หรั่งมา อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/1 หมู่ 1 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เป็นจำนวนเงิน 4 หมื่นบาท โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือนเมื่อปี พ.ศ.2536 โดยใช้โฉนดที่ดินเลขที่ 2004 หน้าสำรวจ 188 ต.วัดโคก เนื้อที่ 46 ไร่ ค้ำประกันเงินกู้ไว้ ซึ่งเงินที่ยืมไปนั้น ได้นำไปใช้ส่งลูกทั้ง 5 คน ได้เรียนหนังสือ บางปีก็ส่งดอก บางปีก็ไม่ได้ส่งดอก และเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2541 นายเฉลียว เจ้าหนี้ ได้เรียกตนไปทำสัญญาเงินกู้ใหม่ โดยระบุยอดเงินต้นเพิ่มเป็น 837,000 บาท จากวันนั้นถึงวันนี้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยพร้อมเงินต้น เป็นจำนวนเงิน 69,119,154 บาท
ทางศูนย์ดำรงธรรม จ.ชัยนาท จึงได้เรียกบุคลทั้ง 2 คน มาไกล่เกลี่ย จากเงิน 69 ล้านกว่าลดลงมาเหลือ 2 แสน แต่นายทิ้ง ลูกหนี้ได้ต่อรองเหลือ 150,000 บาท ทั้ง 2 จึงพอใจตกลงกันจ่ายเป็นเงินสดต่อหน้านายสุทธิพงษ์ ผวจ.ชัยนาท และทางนายเฉลียว เจ้าหนี้ ได้คืนโฉนดที่ดิน 46 ไร่ ให้แก่นายทิ้ง ด้วยความพึงพอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
นายทิ้ง กล่าวยอมรับว่า ไปกู้เงินมาจริงและถูกทวงถามเรื่องเงินว่าเป็นหนี้ถึง 69 ล้านกว่าบาท จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม และดีใจทุกอย่างตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อย โดยใช้หนี้เป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท ต่อหน้า ผวจ.ชัยนาท
ทางด้านเฉลียว กล่าวว่า ตนเกิดมาไม่เคยให้ใครยืมเงินเมื่อขอยืมไปแล้วเวลาทวงถามก็มีปากเสียงกันเป็นการสร้างศัตรูโดยผู้กู้เสนอให้เอง ร้อยละ3ต่อปีดีใจที่ได้เงินคืนซึ่งศูนย์ดำรงธรรมไกล่เกลี่ยเท่าไหร่ก็เท่านั้นถ้าเขาไม่ให้ก็ไม่มีปัญญาจะไปทวงเงินเขาได้มาเท่านี้ก็พึงพอใจแล้ว
ทางศูนย์ดำรงธรรม จ.ชัยนาท จึงได้เรียกบุคลทั้ง 2 คน มาไกล่เกลี่ย จากเงิน 69 ล้านกว่าลดลงมาเหลือ 2 แสน แต่นายทิ้ง ลูกหนี้ได้ต่อรองเหลือ 150,000 บาท ทั้ง 2 จึงพอใจตกลงกันจ่ายเป็นเงินสดต่อหน้านายสุทธิพงษ์ ผวจ.ชัยนาท และทางนายเฉลียว เจ้าหนี้ ได้คืนโฉนดที่ดิน 46 ไร่ ให้แก่นายทิ้ง ด้วยความพึงพอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
นายทิ้ง กล่าวยอมรับว่า ไปกู้เงินมาจริงและถูกทวงถามเรื่องเงินว่าเป็นหนี้ถึง 69 ล้านกว่าบาท จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม และดีใจทุกอย่างตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อย โดยใช้หนี้เป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท ต่อหน้า ผวจ.ชัยนาท
ทางด้านเฉลียว กล่าวว่า ตนเกิดมาไม่เคยให้ใครยืมเงินเมื่อขอยืมไปแล้วเวลาทวงถามก็มีปากเสียงกันเป็นการสร้างศัตรูโดยผู้กู้เสนอให้เอง ร้อยละ3ต่อปีดีใจที่ได้เงินคืนซึ่งศูนย์ดำรงธรรมไกล่เกลี่ยเท่าไหร่ก็เท่านั้นถ้าเขาไม่ให้ก็ไม่มีปัญญาจะไปทวงเงินเขาได้มาเท่านี้ก็พึงพอใจแล้ว
