นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรฐษกิจมหภาคฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า การปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 57ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ปรับลดลง จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2 ลงมาเหลือร้อยละ 1 เป็นการประเมินที่ใกล้เคียงกันกับที่ ธปท.เคยจัดทำประมาณการเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงินไปแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ในช่วงที่เหลือต่อไป โดยเชื่อว่า มีโอกาสที่จะเติบโตได้ร้อยละ 3.3-3.5 ซึ่งจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยโตได้เฉลี่ยทั้งปีร้อยละ 1 ตามที่ สศช.ประเมินใหม่ได้ เพราะภาครัฐมีโอกาสที่จะเร่งอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณให้สูงขึ้น จนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือ
ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นมากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน แต่จะยังคงเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าศักยภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และจะไม่เห็นโอกาสที่ประเทศไทยจะกลับมาเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 ธปท.ยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และกังวลต่อการฟื้นตัวและจัดเป็นความเสี่ยงที่มีอยู่ เพราะขณะนี้สหรัฐฯ เท่านั้นที่เศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนแล้ว
ส่วนญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนับเป็นครั้งที่ 4 แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับการที่ประเทศญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้น ธปท.เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ประเทศไทยส่งออกสินค้าไปขายที่ญี่ปุ่นไม่มากนัก โดยในปี 2556 ประเทศไทยส่งออกไปญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 9.7 ของยอดส่งออกทั้งหมดเท่านั้น ส่วนสหรัฐฯ ส่งออกไปร้อยละ 10 จีนร้อยละ 11.9 ขณะที่ยอดส่งออกส่วนใหญ่ของไทยไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันมากถึงร้อยละ 26
อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ในช่วงที่เหลือต่อไป โดยเชื่อว่า มีโอกาสที่จะเติบโตได้ร้อยละ 3.3-3.5 ซึ่งจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยโตได้เฉลี่ยทั้งปีร้อยละ 1 ตามที่ สศช.ประเมินใหม่ได้ เพราะภาครัฐมีโอกาสที่จะเร่งอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณให้สูงขึ้น จนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือ
ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นมากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน แต่จะยังคงเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าศักยภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และจะไม่เห็นโอกาสที่ประเทศไทยจะกลับมาเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 ธปท.ยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และกังวลต่อการฟื้นตัวและจัดเป็นความเสี่ยงที่มีอยู่ เพราะขณะนี้สหรัฐฯ เท่านั้นที่เศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนแล้ว
ส่วนญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนับเป็นครั้งที่ 4 แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับการที่ประเทศญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้น ธปท.เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ประเทศไทยส่งออกสินค้าไปขายที่ญี่ปุ่นไม่มากนัก โดยในปี 2556 ประเทศไทยส่งออกไปญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 9.7 ของยอดส่งออกทั้งหมดเท่านั้น ส่วนสหรัฐฯ ส่งออกไปร้อยละ 10 จีนร้อยละ 11.9 ขณะที่ยอดส่งออกส่วนใหญ่ของไทยไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันมากถึงร้อยละ 26
