รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่แผนกยา ของ โรงพยาบาลราชวิถีได้ออกประกาศห้ามเจ้าหน้าที่หญิงประจำแผนกดังกล่าวตั้งครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.2557 – 31 ธ.ค.2558 โดยขอให้เจ้าหน้าที่หญิงรับประทานยาคุมกำเนิด หากเกิดการตั้งครรภ์ขอให้ลาออกไป และถูกนำออกมาเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งในเวลาต่อมา นพ.อุดม เชาวรินทร์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี ได้สั่งให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นพ.อุดม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำการสลับตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งดังกล่าวไปอยู่ฝ่ายวิชาการ เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการสอบสวนเพื่อเอาผิดใคร แต่จะสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ตามระเบียบของราชการ เพื่อให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น และเพื่อสร้างแนวปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานที่ตรงกัน เพราะตามข่าวที่ออกมา มีทั้งเรื่องจริง และเรื่องที่ไม่จริง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบุคลากร ทั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่
“หัวหน้าแผนกยายังเป็นคนเดิม แต่เรื่องนี้เกิดในหน่วยย่อยของแผนก ที่สลับไปอยู่ฝ่ายวิชาการเพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้ความยุติธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากข่าวที่ออกมามีทั้งที่เป็นจริง และไม่จริง เราเลยมาดูเพื่อความเป็นธรรม และเพื่อหาแนวปฏิบัติสำหรับหน่วย ปรับปรุงระบบการทำงาน และเพื่อการชี้แจงต่อหน่วยงานที่มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้และถามมา” นพ.อุดม กล่าว
ล่าสุด นพ.อุดม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำการสลับตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งดังกล่าวไปอยู่ฝ่ายวิชาการ เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการสอบสวนเพื่อเอาผิดใคร แต่จะสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ตามระเบียบของราชการ เพื่อให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น และเพื่อสร้างแนวปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานที่ตรงกัน เพราะตามข่าวที่ออกมา มีทั้งเรื่องจริง และเรื่องที่ไม่จริง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบุคลากร ทั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่
“หัวหน้าแผนกยายังเป็นคนเดิม แต่เรื่องนี้เกิดในหน่วยย่อยของแผนก ที่สลับไปอยู่ฝ่ายวิชาการเพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้ความยุติธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากข่าวที่ออกมามีทั้งที่เป็นจริง และไม่จริง เราเลยมาดูเพื่อความเป็นธรรม และเพื่อหาแนวปฏิบัติสำหรับหน่วย ปรับปรุงระบบการทำงาน และเพื่อการชี้แจงต่อหน่วยงานที่มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้และถามมา” นพ.อุดม กล่าว