ราคาน้ำมันเมื่อวันพุธ(5พ.ย.) ฟื้นตัวพอสมควร หลังรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดหมาย บ่งชี้ว่าอุปสงค์ยังคงแข็งแรงอยู่
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 82.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมนดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค. เพิ่มขึ้น 460,000 บาร์เรล แตะ 380.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวลดลง 551,000 บาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะ 201.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2555 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 724,000 บาร์เรล สู่ระดับ 119.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง และนับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเกิน 200,000 ตำแหน่ง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 82.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมนดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค. เพิ่มขึ้น 460,000 บาร์เรล แตะ 380.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวลดลง 551,000 บาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะ 201.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2555 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 724,000 บาร์เรล สู่ระดับ 119.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง และนับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเกิน 200,000 ตำแหน่ง