น้ำมันโลกขยับขึ้นวานนี้(29ต.ค.) หลังพบอุปสงค์สหรัฐฯไม่ได้อ่อนแอมากอย่างที่คาด
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ ปิดที่ 82.20 ดอลลาร์่ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล แตะ 203.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ดิ่งลง 5.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 120.4 ล้านบาร์เรล ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันขยับลง 0.1% สู่ระดับ 86.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจาการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และยังให้คำมั่นสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เฟดยังให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ ปิดที่ 82.20 ดอลลาร์่ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล แตะ 203.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ดิ่งลง 5.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 120.4 ล้านบาร์เรล ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันขยับลง 0.1% สู่ระดับ 86.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจาการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และยังให้คำมั่นสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เฟดยังให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น