นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน โดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อน ไม่ได้บรรจุการขอใช้งบประมาณไว้ในโครงการบริหารจัดการน้ำของประเทศ วงเงิน 350,000 ล้านบาท จึงไม่ได้รับผลกระทบ หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำวงเงิน 350,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้กรมชลประทานยังไม่ได้ตั้งเสนอของบประมาณในการก่อสร้างเกี่ยวกับโครงการบริหารจัดการน้ำ แต่ได้เสนอภาพรวมในลักษณะยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำต่อรัฐบาลแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา
สำหรับภาพรวม หากเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ในเรื่องขั้นตอนการรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ ยังมีความจำเป็นที่กรมชลประทานต้องให้ความสำคัญและต้องไม่ข้ามขั้นตอนแน่นอน เนื่องจากเป็นกระบวนการที่แต่ละโครงการต้องดำเนินการอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ที่เคยบรรจุไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงิน 350,000 ล้านบาท จำเป็นต้องมีการทบทวนสถานะของแต่ละโครงการ เพราะบางโครงการมีความพร้อม แต่บางโครงการต้องศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อน
สำหรับภาพรวม หากเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ในเรื่องขั้นตอนการรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ ยังมีความจำเป็นที่กรมชลประทานต้องให้ความสำคัญและต้องไม่ข้ามขั้นตอนแน่นอน เนื่องจากเป็นกระบวนการที่แต่ละโครงการต้องดำเนินการอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ที่เคยบรรจุไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงิน 350,000 ล้านบาท จำเป็นต้องมีการทบทวนสถานะของแต่ละโครงการ เพราะบางโครงการมีความพร้อม แต่บางโครงการต้องศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อน
