วอลล์สตรีทพุ่งแรงในวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 3 เติบโตเกินคาดหมาย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 221.11 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,195.42 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.35 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,994.65 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 16.91 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,566.14 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 3/2557 ของสหรัฐขยายตัว 3.5% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 2 และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 250 ราย แตะที่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนวิตกกังวลว่า จีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดนั้นอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมครั้งล่าสุด เฟดยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกก็ตาม โดยในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพราะเล็งเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานฟื้นตัวดีขึ้น
ตลาดได้รับปัจจัยบวกมากขึ้นหลังจากบริษัทรายใหญ่หลายแห่งได้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยบริษัทวีซ่า อิงค์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ในปีงบการเงินของบริษัทออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นวีซ่าปิดทะยานขึ้น 10.24%
หุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 9.40% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 15% แตะที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนบริษัทสตาร์บัคส์ และลิงค์อิน ต่างก็เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย รวมถึงข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 221.11 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,195.42 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.35 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,994.65 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 16.91 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,566.14 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 3/2557 ของสหรัฐขยายตัว 3.5% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 2 และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 250 ราย แตะที่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนวิตกกังวลว่า จีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดนั้นอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมครั้งล่าสุด เฟดยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกก็ตาม โดยในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพราะเล็งเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานฟื้นตัวดีขึ้น
ตลาดได้รับปัจจัยบวกมากขึ้นหลังจากบริษัทรายใหญ่หลายแห่งได้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยบริษัทวีซ่า อิงค์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ในปีงบการเงินของบริษัทออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นวีซ่าปิดทะยานขึ้น 10.24%
หุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 9.40% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 15% แตะที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนบริษัทสตาร์บัคส์ และลิงค์อิน ต่างก็เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย รวมถึงข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน