นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2557 ของ ธ.ก.ส. ในรอบ 6เดือน (1 เมษายน – 30 กันยายน 2557) ว่า ได้จ่ายสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 2557 จำนวน 32,017 ล้านบาท ทำให้มียอดสินเชื่อรวมที่กระจายตัวลงสู่ภาคชนบทแล้วทั้งสิ้น 1,002,647 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อที่เข้าไปสนับสนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาลอีก 771,471 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินทุนของ ธ.ก.ส. จำนวน 242,758 ล้านบาท และเงินทุนที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งอยู่นอกงบการเงินจำนวน 528,713 ล้านบาท รวมเป็นเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น 1,774,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีร้อยละ 8.38 โดยผ่านเครือข่ายสาขาที่ให้บริการจำนวน 1,202 สาขา เกษตรกรที่ได้รับบริการรวม 7.5 ล้านครัวเรือน ด้านเงินฝากมียอดเงินฝากจำนวน 1,058,206 ล้านบาท จำแนกเป็น เงินฝากจากเกษตรกรและประชาชนทั่วไปจำนวน 699,331 ล้านบาท เงินฝากนิติบุคคลจำนวน 46,279 ล้านบาท และเงินฝากราชการและรัฐวิสาหกิจจำนวน 312,596 ล้านบาท
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ ธ.ก.ส. มีสินทรัพย์รวม 1,248,522 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,136,637 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 111,915ล้านบาท โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม33,469 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 28,563 ล้านบาท คงเหลือกำไรสุทธิ 4,902 ล้านบาท ขณะที่ NPLs อยู่ที่ร้อยละ 4.61 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.6 ด้านความสามารถในการทำกำไร ธ.ก.ส. บริหารสินทรัพย์ได้ผลตอบแทน (ROA) ร้อยละ 0.76 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.89 โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 12.51 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของ ธปท.และกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนตามกฎหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8.50
นายลักษณ์กล่าวต่อไปว่า ธ.ก.ส.ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จำนวน 84,553 ล้านบาท เพื่อนำมาชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยจากการดำเนินโครงการรัฐบาล ประกอบด้วย โครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร จำนวน 71,380 ล้านบาท เป็นต้นเงินจำนวน 36,335 ล้านบาท โครงการประกันรายได้ จำนวน 6,889 ล้านบาท เป็นต้นเงินจำนวน 3,559 ล้านบาท โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2557/58 จำนวน 2,132 ล้านบาท และโครงการอื่นๆ อีก 4 โครงการ จำนวน 4,152 ล้านบาท โดยภาระหนี้ที่เหลือรัฐบาลจะจัดสรรให้ในปีต่อๆ ไป
ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 49 ธ.ก.ส. ตั้งเป้าหมายเปิดสาขาในเขตกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมทั้ง 50เขต จากปัจจุบันที่มี 41 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและเปิดโอกาสให้ชาวเมืองหลวงร่วมใช้บริการและฝากเงินกับ ธ.ก.ส.ซึ่งการฝากเงินกับ ธ.ก.ส. นอกจากได้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังมีส่วนร่วมในการเกื้อกูลภาคเกษตรกรรมเพราะเงินทุกบาท ธ.ก.ส. จะนำไปเป็นทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพของเกษตรกร เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศ โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์“สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส.” ในราคาหน่วยละ 100 บาท จำนวนทั้งหมด 60 หมวด ๆ 10 ล้านหน่วย ระยะเวลาการฝาก 3 ปี ซึ่งเมื่อฝากครบกำหนด ผู้ฝากจะได้รับคืนต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 2.50 บาท และระหว่างที่ถือสลากยังได้สิทธิลุ้นรับรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน รวม 36 ครั้ง โดยรางวัลที่ 1 มีมูลค่าถึง 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆอีก 267,040 รางวัล รวมมูลค่าครั้งละ 107.75 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ลุ้นรับทองคำหนัก 10 บาท เดือนละ 3 รางวัล ในช่วง 6 เดือนแรกของการรับฝาก คือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 – เมษายน 2558 รวม 180 รางวัล เริ่มออกรางวัลครั้งแรกในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2557 นี้
ผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต “ธ.ก.ส. เพิ่มรัก 12/10” ซึ่งเป็นกรมธรรม์ออมทรัพย์แบบได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา ระยะเวลาการส่ง 10 ปี แต่ให้ความคุ้มครอง 12 ปีโดยสามารถเลือกส่งได้ตามความสมัครใจ ขั้นต่ำเดือนละ 300 บาท หรือเพียงวันละ 10 บาท โดยคุ้มครองชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรสูงสุด 200,000 บาท ชดเชยรายได้หากนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดวันละ 1,000 บาท นานถึง 30 วันต่อปีกรมธรรม์ เงินปลอบขวัญ 6 เท่าของงวดเงินที่ส่งฝาก กรณีบุตรเสียชีวิต และเมื่อออมครบกำหนดได้สมนาคุณ 8 เท่าของงวดเงินที่ส่งฝาก และผลิตภัณฑ์ “ธ.ก.ส.มอบรัก 1/1” ซึ่งเป็นกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อ กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรแก่เกษตรกรลูกค้า ในอัตรา 365 บาทต่อปีหรือเพียงวันละบาทต่อความคุ้มครอง 100,000 บาท วงเงินคุ้มครองสูงสุด 200,000 บาท ซึ่งเงินฝากดังกล่าวช่วยสร้างหลักประกันที่มั่นคงต่อชีวิต เป็นการสร้างฐานการออมอย่างมีแบบแผนและเป็นภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและครอบครัวตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นอกจากนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานเกษตรกรที่ทำงานในเมือง ได้เข้าถึงบริการทางการเงินที่คิดดอกเบี้ยในอัตราที่เป็นธรรม เป็นการลดภาระและป้องกันปัญหาการไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ธ.ก.ส. ได้ออกผลิตภัณฑ์ “สินเชื่ออุ่นใจคนไกลบ้าน” โดยให้พ่อแม่ซึ่งเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ช่วยรับรองให้กับบุตรที่จะขอกู้ หากไม่มีหลักทรัพย์ก็สามารถใช้บุคคลค้ำประกัน ก็สามารถกู้ได้ในวงเงินไม่เกินรายละ100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยลูกค้าสามารถติดต่อและใช้บริการที่หลากหลายจาก ธ.ก.ส. ผ่านสาขาทั่วประเทศและในเขตกรุงเทพมหานคร ที่พร้อมเปิดให้บริการแล้วทั้ง 41 สาขา
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ ธ.ก.ส. มีสินทรัพย์รวม 1,248,522 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,136,637 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 111,915ล้านบาท โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม33,469 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 28,563 ล้านบาท คงเหลือกำไรสุทธิ 4,902 ล้านบาท ขณะที่ NPLs อยู่ที่ร้อยละ 4.61 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.6 ด้านความสามารถในการทำกำไร ธ.ก.ส. บริหารสินทรัพย์ได้ผลตอบแทน (ROA) ร้อยละ 0.76 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.89 โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 12.51 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของ ธปท.และกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนตามกฎหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8.50
นายลักษณ์กล่าวต่อไปว่า ธ.ก.ส.ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จำนวน 84,553 ล้านบาท เพื่อนำมาชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยจากการดำเนินโครงการรัฐบาล ประกอบด้วย โครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร จำนวน 71,380 ล้านบาท เป็นต้นเงินจำนวน 36,335 ล้านบาท โครงการประกันรายได้ จำนวน 6,889 ล้านบาท เป็นต้นเงินจำนวน 3,559 ล้านบาท โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2557/58 จำนวน 2,132 ล้านบาท และโครงการอื่นๆ อีก 4 โครงการ จำนวน 4,152 ล้านบาท โดยภาระหนี้ที่เหลือรัฐบาลจะจัดสรรให้ในปีต่อๆ ไป
ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 49 ธ.ก.ส. ตั้งเป้าหมายเปิดสาขาในเขตกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมทั้ง 50เขต จากปัจจุบันที่มี 41 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและเปิดโอกาสให้ชาวเมืองหลวงร่วมใช้บริการและฝากเงินกับ ธ.ก.ส.ซึ่งการฝากเงินกับ ธ.ก.ส. นอกจากได้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังมีส่วนร่วมในการเกื้อกูลภาคเกษตรกรรมเพราะเงินทุกบาท ธ.ก.ส. จะนำไปเป็นทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพของเกษตรกร เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศ โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์“สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส.” ในราคาหน่วยละ 100 บาท จำนวนทั้งหมด 60 หมวด ๆ 10 ล้านหน่วย ระยะเวลาการฝาก 3 ปี ซึ่งเมื่อฝากครบกำหนด ผู้ฝากจะได้รับคืนต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 2.50 บาท และระหว่างที่ถือสลากยังได้สิทธิลุ้นรับรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน รวม 36 ครั้ง โดยรางวัลที่ 1 มีมูลค่าถึง 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆอีก 267,040 รางวัล รวมมูลค่าครั้งละ 107.75 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ลุ้นรับทองคำหนัก 10 บาท เดือนละ 3 รางวัล ในช่วง 6 เดือนแรกของการรับฝาก คือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 – เมษายน 2558 รวม 180 รางวัล เริ่มออกรางวัลครั้งแรกในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2557 นี้
ผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต “ธ.ก.ส. เพิ่มรัก 12/10” ซึ่งเป็นกรมธรรม์ออมทรัพย์แบบได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา ระยะเวลาการส่ง 10 ปี แต่ให้ความคุ้มครอง 12 ปีโดยสามารถเลือกส่งได้ตามความสมัครใจ ขั้นต่ำเดือนละ 300 บาท หรือเพียงวันละ 10 บาท โดยคุ้มครองชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรสูงสุด 200,000 บาท ชดเชยรายได้หากนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดวันละ 1,000 บาท นานถึง 30 วันต่อปีกรมธรรม์ เงินปลอบขวัญ 6 เท่าของงวดเงินที่ส่งฝาก กรณีบุตรเสียชีวิต และเมื่อออมครบกำหนดได้สมนาคุณ 8 เท่าของงวดเงินที่ส่งฝาก และผลิตภัณฑ์ “ธ.ก.ส.มอบรัก 1/1” ซึ่งเป็นกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อ กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรแก่เกษตรกรลูกค้า ในอัตรา 365 บาทต่อปีหรือเพียงวันละบาทต่อความคุ้มครอง 100,000 บาท วงเงินคุ้มครองสูงสุด 200,000 บาท ซึ่งเงินฝากดังกล่าวช่วยสร้างหลักประกันที่มั่นคงต่อชีวิต เป็นการสร้างฐานการออมอย่างมีแบบแผนและเป็นภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและครอบครัวตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นอกจากนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานเกษตรกรที่ทำงานในเมือง ได้เข้าถึงบริการทางการเงินที่คิดดอกเบี้ยในอัตราที่เป็นธรรม เป็นการลดภาระและป้องกันปัญหาการไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ธ.ก.ส. ได้ออกผลิตภัณฑ์ “สินเชื่ออุ่นใจคนไกลบ้าน” โดยให้พ่อแม่ซึ่งเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ช่วยรับรองให้กับบุตรที่จะขอกู้ หากไม่มีหลักทรัพย์ก็สามารถใช้บุคคลค้ำประกัน ก็สามารถกู้ได้ในวงเงินไม่เกินรายละ100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยลูกค้าสามารถติดต่อและใช้บริการที่หลากหลายจาก ธ.ก.ส. ผ่านสาขาทั่วประเทศและในเขตกรุงเทพมหานคร ที่พร้อมเปิดให้บริการแล้วทั้ง 41 สาขา