นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวบางพื้นที่อากาศเริ่มหนาวเย็นลงและบางพื้นที่ยังมีฝนตกอยู่ อาจทำให้ผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนทั่วไป เช่น ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ไตวาย เป็นต้น เสี่ยงป่วยได้ง่าย โรคอันตรายที่พบได้บ่อยในช่วงนี้มี 2 โรค คือไข้หวัดใหญ่ซึ่งแต่ละปีพบผู้ป่วย 50,000-60,000 ราย และโรคปอดบวม ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของโรคติดเชื้อทั้งหมด และมักเกิดแทรกซ้อนตามหลังโรคทางเดินหายใจ เช่นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ แต่ละปีพบผู้ป่วยประมาณ 200,000 ราย เสียชีวิตปีละ 1,000 กว่าราย
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้เฝ้าระวังสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด ปีนี้ ตั้งแต่มกราคม-28 กันยายน ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคปอดบวม 144,278 ราย เสียชีวิต 657 ราย ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่พบป่วย 54,748 ราย เสียชีวิต 59 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ซึ่งจากติดตามข้อมูลการเฝ้าระวังโรคย้อนหลังพบว่า โรคไข้หวัดใหญ่จะพบผู้ป่วยสูง 2 ช่วง คือมกราคม-มีนาคม และกรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนโรคปอดบวมพบผู้ป่วยสูง 2 ช่วง คือ กรกฎาคม-พฤศจิกายน และมกราคม-มีนาคม
สำหรับจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด 10 จังหวัดแรก ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประกาศเตือนภัยหนาว ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการเจ็บป่วย และกำชับให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ หากพบผู้ป่วยและเป็นกลุ่มเสี่ยงขอให้ดูแลรักษาตามแนวทางการรักษา
นอกจากนี้ ยังให้เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่มีความรุนแรง แหล่งแพร่เชื้อมาจากสัตว์ปีกเช่นนก ไก่ เป็ด แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปี และไม่พบสัตว์ปีกติดเชื้อเป็นเวลา 6 ปีก็ตาม แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ เนื่องจากมีรายงานพบผู้ป่วยในประเทศใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง โดยหากพบผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกป่วยหรือตาย ขอให้สงสัยอาจติดเชื้อนี้ และให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันทีเพื่อป้องกันการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งได้จัดเตรียมยาไว้แล้ว
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้เฝ้าระวังสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด ปีนี้ ตั้งแต่มกราคม-28 กันยายน ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคปอดบวม 144,278 ราย เสียชีวิต 657 ราย ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่พบป่วย 54,748 ราย เสียชีวิต 59 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ซึ่งจากติดตามข้อมูลการเฝ้าระวังโรคย้อนหลังพบว่า โรคไข้หวัดใหญ่จะพบผู้ป่วยสูง 2 ช่วง คือมกราคม-มีนาคม และกรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนโรคปอดบวมพบผู้ป่วยสูง 2 ช่วง คือ กรกฎาคม-พฤศจิกายน และมกราคม-มีนาคม
สำหรับจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด 10 จังหวัดแรก ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประกาศเตือนภัยหนาว ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการเจ็บป่วย และกำชับให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ หากพบผู้ป่วยและเป็นกลุ่มเสี่ยงขอให้ดูแลรักษาตามแนวทางการรักษา
นอกจากนี้ ยังให้เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่มีความรุนแรง แหล่งแพร่เชื้อมาจากสัตว์ปีกเช่นนก ไก่ เป็ด แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปี และไม่พบสัตว์ปีกติดเชื้อเป็นเวลา 6 ปีก็ตาม แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ เนื่องจากมีรายงานพบผู้ป่วยในประเทศใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง โดยหากพบผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกป่วยหรือตาย ขอให้สงสัยอาจติดเชื้อนี้ และให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันทีเพื่อป้องกันการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งได้จัดเตรียมยาไว้แล้ว