วันนี้ (29 ก.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องในคดีฆาตรกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้ารายงานความคืบหน้าของคดี โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รู้สึกพอใจการทำงานของตำรวจที่พยายามหาพยานหลักฐานต่างๆ อย่างเต็มที่ จึงไม่จำเป็นต้องสั่งการเพิ่มเติม และมั่นใจว่าตำรวจจะสามารถจับตัวคนร้ายได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีมาเฟียในพื้นที่ ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนต้องช่วยกันนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ เพราะต่างชาติกำลังจับตาและโจมตีการทำงานของตำรวจ
ด้าน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 200 ตัว รวมทั้งบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ หรือมีการเข้าออกเกาะ ยืนยันว่า ตำรวจมาถูกทางแล้ว ซึ่งจากการเก็บพยานหลักฐาน เชื่อว่าแน่นหนาพอที่จะชี้ตัวคนร้าย แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่มีมากกว่า 2 คน ให้ช่วยเข้าให้ข้อมูล
นอกจากนี้ จะมีการนำกลุ่มต้องสงสัยเดิมมาตรวจดีเอ็นเอซ้ำ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายอาจอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ ขณะเดียวกัน มีการตั้งทีมขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อรับฟังข้อมูลจากหลายด้าน
ขณะที่ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ระบุว่า การตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยของตำรวจในขณะนี้ไม่ใช่การเหวี่ยงแห แต่หากพบมีจุดน่าสงสัย จำเป็นจะต้องเก็บหลักฐานให้รอบด้าน ซึ่งดีเอ็นเอเป็นเพียงหลักฐานส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดถึงตัวคนร้าย เพราะต้องนำไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ด้วย และเชื่อว่าหลักฐานที่มีขณะนี้ จะสามารถพิสูจน์ตัวคนร้ายได้
ด้าน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 200 ตัว รวมทั้งบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ หรือมีการเข้าออกเกาะ ยืนยันว่า ตำรวจมาถูกทางแล้ว ซึ่งจากการเก็บพยานหลักฐาน เชื่อว่าแน่นหนาพอที่จะชี้ตัวคนร้าย แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่มีมากกว่า 2 คน ให้ช่วยเข้าให้ข้อมูล
นอกจากนี้ จะมีการนำกลุ่มต้องสงสัยเดิมมาตรวจดีเอ็นเอซ้ำ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายอาจอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ ขณะเดียวกัน มีการตั้งทีมขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อรับฟังข้อมูลจากหลายด้าน
ขณะที่ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ระบุว่า การตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยของตำรวจในขณะนี้ไม่ใช่การเหวี่ยงแห แต่หากพบมีจุดน่าสงสัย จำเป็นจะต้องเก็บหลักฐานให้รอบด้าน ซึ่งดีเอ็นเอเป็นเพียงหลักฐานส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดถึงตัวคนร้าย เพราะต้องนำไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ด้วย และเชื่อว่าหลักฐานที่มีขณะนี้ จะสามารถพิสูจน์ตัวคนร้ายได้