พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนได้จับผู้ต้องหาชาวรัสเซียที่ติดตั้งเครื่องคัดลอกข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สกิมมิ่ง บนเครื่องเอทีเอ็ม หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง บริเวณปากซอยรามคำแหง 58/3 ได้เมื่อเย็นวานนี้ ระหว่างที่ผู้ต้องหาเดินอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ และเมื่อเดินผ่านเครื่องกดเงินสดก็มีพิรุธ ประกอบกับรูปพรรณสัณฐานตรงกับภาพวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อและตู้เอทีเอ็ม ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวและตรวจค้น พบของกลางในกระเป๋าเป็นเครื่องมือคัดลอกข้อมูล หรือ สกิมมิ่ง พร้อมกล้องดูรหัสอีก 1 ชุด รวมถึงมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งข้อมูลในแถบแม่เหล็กพบว่า เป็นข้อมูลของธนาคาร 2 ใบ โดยเป็นของธนาคารในประเทศไทย และของจีน ตำรวจระบุว่า ขบวนการนี้มี 2 คน อีก 1 คนอยู่ระหว่างหลบหนี ตำรวจจึงเร่งติดตามเพื่อนำมาดำเนินคดี จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาหลายพื้นที่ โดยตำรวจขอให้ตัวแทนธนาคารที่เคยถูกก่อเหตุลักษณะนี้เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ ที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก
การสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยอมรับว่า นำเครื่องสกิมมิ่งไปติดเครื่องเอทีเอ็มมาแล้วหลายจุด ส่วนใหญ่ติดอยู่ในพื้นที่ย่านสุขุมวิท
นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เครื่องเอทีเอ็มของธนาคารมีการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ป้องกันการคัดลอกข้อมูลอยู่แล้ว แต่ที่พบเป็นลักษณะนำมาสวมทับ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของธนาคารที่พบ แต่ก็ยังดีที่ยังไม่มีลูกค้าเสียหายจากกรณีนี้ จึงเตือนผู้ใช้บริการทุกธนาคาร ระมัดระวังการใช้เครื่องเอทีเอ็ม การกดหมายเลขควรใช้มือปิดบังรหัส และควรเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นนั้นเข้าถึงข้อมูลได้
การสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยอมรับว่า นำเครื่องสกิมมิ่งไปติดเครื่องเอทีเอ็มมาแล้วหลายจุด ส่วนใหญ่ติดอยู่ในพื้นที่ย่านสุขุมวิท
นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เครื่องเอทีเอ็มของธนาคารมีการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ป้องกันการคัดลอกข้อมูลอยู่แล้ว แต่ที่พบเป็นลักษณะนำมาสวมทับ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของธนาคารที่พบ แต่ก็ยังดีที่ยังไม่มีลูกค้าเสียหายจากกรณีนี้ จึงเตือนผู้ใช้บริการทุกธนาคาร ระมัดระวังการใช้เครื่องเอทีเอ็ม การกดหมายเลขควรใช้มือปิดบังรหัส และควรเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นนั้นเข้าถึงข้อมูลได้
