สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง และมูลนิธิธีรนาถกาญจนอักษร ร่วมจัดเวทีสาธารณะ เรื่อง กฎหมายอุ้มบุญเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์กับความเป็นธรรมทางเพศ โดยมีบุคคลจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยงานรัฐ และองค์กรพัฒนาเอกชน และสถาบันวิชาการเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
นางสุชาดา ทวีสิทธิ์ นายกสมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า จากข่าวการรับจ้างอุ้มบุญในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หน่วยงานภาครัฐพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... ออกมาบังคับใช้โดยเร็ว แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาอย่างละเอียดแล้ว พบว่า มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อาทิ การกำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้น้ำหนักในการห้าม และลงโทษการอุ้มบุญเพื่อผลตอบแทนทางธุรกิจ ผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากการอุ้มบุญต้องเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลอื่นที่ต้องการมีบุตร เช่น คู่รักเพศเดียวกัน หญิงชายที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกำหมาย เป็นต้น ร่าง พ.ร.บ.นี้ จึงอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และอาจผลักให้บริการนี้หลบเลี่ยง อยู่เหนือการควบคุมของกฎหมาย นำไปสู่สถานการณ์ที่ผู้หญิงที่รับตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมถูกละเลย ไม่ได้รับการคุ้มครอง
นางสุชาดา ทวีสิทธิ์ นายกสมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า จากข่าวการรับจ้างอุ้มบุญในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หน่วยงานภาครัฐพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... ออกมาบังคับใช้โดยเร็ว แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาอย่างละเอียดแล้ว พบว่า มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อาทิ การกำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้น้ำหนักในการห้าม และลงโทษการอุ้มบุญเพื่อผลตอบแทนทางธุรกิจ ผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากการอุ้มบุญต้องเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลอื่นที่ต้องการมีบุตร เช่น คู่รักเพศเดียวกัน หญิงชายที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกำหมาย เป็นต้น ร่าง พ.ร.บ.นี้ จึงอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และอาจผลักให้บริการนี้หลบเลี่ยง อยู่เหนือการควบคุมของกฎหมาย นำไปสู่สถานการณ์ที่ผู้หญิงที่รับตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมถูกละเลย ไม่ได้รับการคุ้มครอง
