รัสเซียในวันอังคาร(16ก.ย.) ขู่เสริมกำลังทหารเข้าไปยังแหลมไครเมียที่เพิ่งผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากนาโต้เริ่มซ้อมรบทางภาคตะวันตกของยูเครน ขณะที่กองกำลังเคียฟกำลังสู้รบกับพวกแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโกทางภาคตะวันออก
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของบอกว่าด้วยความตึงเครียดที่ขยายตัวขึ้นในยูเครนและการปรากฎตัวของกองกำลังต่างชาติใกล้ชายแดนของรัสเซีย ทำให้การเสริมกำลังทหารคือเป้าหมายลำดับต้นๆในไครเมีย ที่พวกเขาผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
"สถานการณ์ในยูเครนขยายตัวอย่างรวดเร็วและพบเห็นกำลังทหารต่างชาติตามแนวชายแดนของเราเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน" ชอยกูบอกกับเหล่าผู้บัญชาการทหาร "หนึ่งในเป้าหมายลำดับต้นๆของเราคือการเสริมทหารอย่างเหมาะสมและมีกองกำลังที่พึ่งพาตนเองได้ในไครเมีย"
ความไม่สงบในยูเครน ซึ่งเคียฟกล่าวหาว่ารัสเซียคือผู้ปลุกปั่น ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับชาติตะวันตกดำดิ่งสู่ระดับเลวร้ายสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
มอสโกเคยเตือนก่อนหน้าว่าการซ้อมรบของนาโต้ ภายใต้ปฏิบัติการ “Rapid Trident 14” ซึ่งมีทหารจากสหรัฐฯและชาติพันธมิตรมากกว่า 1,000 นายเข้าร่วมและจะไปสิ้นสุดในวันที่ 26 กันยายน คือตัวคุกคามความพยายามสันติภาพทางภาคตะวันออกของยูเครน ในนั้นรวมไปถึงข้อตกลงหยุดยิงอันเปราะบาง
แต่นาโต้ก็ตอบโต้ว่ารัสเซียยังคงมีทหารราว 1,000 นาย ยุทธยานยนต์และปืนใหญ่อีกหลายร้อยอยู่ภายในยูเครน แม้ว่าจำนวนกองกำลังพลลดลงไปแล้วบ้างบางส่วนนับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของบอกว่าด้วยความตึงเครียดที่ขยายตัวขึ้นในยูเครนและการปรากฎตัวของกองกำลังต่างชาติใกล้ชายแดนของรัสเซีย ทำให้การเสริมกำลังทหารคือเป้าหมายลำดับต้นๆในไครเมีย ที่พวกเขาผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
"สถานการณ์ในยูเครนขยายตัวอย่างรวดเร็วและพบเห็นกำลังทหารต่างชาติตามแนวชายแดนของเราเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน" ชอยกูบอกกับเหล่าผู้บัญชาการทหาร "หนึ่งในเป้าหมายลำดับต้นๆของเราคือการเสริมทหารอย่างเหมาะสมและมีกองกำลังที่พึ่งพาตนเองได้ในไครเมีย"
ความไม่สงบในยูเครน ซึ่งเคียฟกล่าวหาว่ารัสเซียคือผู้ปลุกปั่น ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับชาติตะวันตกดำดิ่งสู่ระดับเลวร้ายสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
มอสโกเคยเตือนก่อนหน้าว่าการซ้อมรบของนาโต้ ภายใต้ปฏิบัติการ “Rapid Trident 14” ซึ่งมีทหารจากสหรัฐฯและชาติพันธมิตรมากกว่า 1,000 นายเข้าร่วมและจะไปสิ้นสุดในวันที่ 26 กันยายน คือตัวคุกคามความพยายามสันติภาพทางภาคตะวันออกของยูเครน ในนั้นรวมไปถึงข้อตกลงหยุดยิงอันเปราะบาง
แต่นาโต้ก็ตอบโต้ว่ารัสเซียยังคงมีทหารราว 1,000 นาย ยุทธยานยนต์และปืนใหญ่อีกหลายร้อยอยู่ภายในยูเครน แม้ว่าจำนวนกองกำลังพลลดลงไปแล้วบ้างบางส่วนนับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน
