บรรดาผู้แทนระดับสูงจาก 30 ประเทศทั่วโลกซึ่งไปประชุมกันที่กรุงปารีสในวันจันทร์ (15 ก.ย.) ให้คำมั่นสัญญาที่จะสนับสนุนอิรักในการสู้รบกับกลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” ไอเอส ด้วย “วิธีการใดๆ ก็ตามที่จำเป็น” รวมทั้ง “ความช่วยเหลือทางทหารอันเหมาะสม” ด้วย อย่างไรก็ตาม คำแถลงร่วมของที่ประชุมคราวนี้ไม่เอ่ยถึงซีเรีย อีกทั้งรัฐบาลซีเรียกับอิหร่านก็ไม่ได้เข้าหารือด้วย โดยทางทางการเตหะรานระบุว่าไม่ร่วมสังฆกรรมกับแนวร่วมของอเมริกาเด็ดขาด แถมกล่าวหาว่า วอชิงตันพยายามหาข้ออ้างเพื่อระดมทิ้งระเบิดในอิรักและซีเรียตามอำเภอใจเหมือนที่ทำอยู่ในปากีสถาน
บรรดาผู้แทนจาก 30 ประเทศและองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งมีทั้งสหรัฐฯ, รัสเซีย, และจีน พบปะหารือกันในกรุงปารีส และออกคำแถลงร่วมระบุว่า จะสนับสนุนอิรัก “ด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามที่จำเป็น” รวมทั้งความช่วยเหลือทางทหารอันเหมาะสม โดยสอดคล้องกับความจำเป็นซึ่งทางการอิรักแสดงความจำนง ตลอดจนสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ได้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยของพลเรือน”
คำแถลงร่วมบอกว่า กลุ่มหัวรุนแรง “ไอเอส” เป็น “ภัยคุกคามไม่แต่เพียงต่ออิรักเท่านั้น หากยังต่อประชาคมระหว่างประเทศทั้งมวลอีกด้วย” และกล่าวย้ำว่า “มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน” ที่จะต้องผลักไสกลุ่มนักรบญิฮัดนี้ออกไปจากอิรัก ซึ่งพวกเขาสามารถยึดครองดินแดนของประเทศนั้นเอาไว้ได้แล้วราว 40%
อย่างไรก็ตาม คำแถลงสุดท้ายนี้ไม่ได้มีการเอ่ยถึงซีเรีย ซึ่งนักรบญิฮัดกลุ่มนี้ได้ยึดครองดินแดนของประเทศนั้นเอาไว้ได้ราวหนึ่งในสี่ ทั้งนี้สหรัฐฯและพวกชาติตะวันตกพากันรังเกียจระบอบปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในกรุงดามัสกัส และหันไปสนับสนุนพวกกบฎซีเรีย “สายกลาง” ขณะที่หลายชาติซึ่งเข้าร่วมการประชุมคราวนี้ เป็นต้นว่า รัสเซีย ยังคงเป็นพันธมิตรกับอัสซาด ดังนั้น สิ่งที่สหรัฐฯและชาติตะวันตกทำได้ก็คือกีดกันไม่ให้รัฐบาลซีเรียเข้าร่วมการหารือในกรุงปารีสคราวนี้ด้วย
ทางด้าน ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ได้กล่าวในตอนเปิดการหารือว่า โลกไม่มีเวลาจะเสียต่อไป และการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายของอิรักเป็นการต่อสู้ของโลกเช่นเดียวกัน
บรรดาผู้แทนจาก 30 ประเทศและองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งมีทั้งสหรัฐฯ, รัสเซีย, และจีน พบปะหารือกันในกรุงปารีส และออกคำแถลงร่วมระบุว่า จะสนับสนุนอิรัก “ด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามที่จำเป็น” รวมทั้งความช่วยเหลือทางทหารอันเหมาะสม โดยสอดคล้องกับความจำเป็นซึ่งทางการอิรักแสดงความจำนง ตลอดจนสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ได้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยของพลเรือน”
คำแถลงร่วมบอกว่า กลุ่มหัวรุนแรง “ไอเอส” เป็น “ภัยคุกคามไม่แต่เพียงต่ออิรักเท่านั้น หากยังต่อประชาคมระหว่างประเทศทั้งมวลอีกด้วย” และกล่าวย้ำว่า “มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน” ที่จะต้องผลักไสกลุ่มนักรบญิฮัดนี้ออกไปจากอิรัก ซึ่งพวกเขาสามารถยึดครองดินแดนของประเทศนั้นเอาไว้ได้แล้วราว 40%
อย่างไรก็ตาม คำแถลงสุดท้ายนี้ไม่ได้มีการเอ่ยถึงซีเรีย ซึ่งนักรบญิฮัดกลุ่มนี้ได้ยึดครองดินแดนของประเทศนั้นเอาไว้ได้ราวหนึ่งในสี่ ทั้งนี้สหรัฐฯและพวกชาติตะวันตกพากันรังเกียจระบอบปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในกรุงดามัสกัส และหันไปสนับสนุนพวกกบฎซีเรีย “สายกลาง” ขณะที่หลายชาติซึ่งเข้าร่วมการประชุมคราวนี้ เป็นต้นว่า รัสเซีย ยังคงเป็นพันธมิตรกับอัสซาด ดังนั้น สิ่งที่สหรัฐฯและชาติตะวันตกทำได้ก็คือกีดกันไม่ให้รัฐบาลซีเรียเข้าร่วมการหารือในกรุงปารีสคราวนี้ด้วย
ทางด้าน ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ได้กล่าวในตอนเปิดการหารือว่า โลกไม่มีเวลาจะเสียต่อไป และการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายของอิรักเป็นการต่อสู้ของโลกเช่นเดียวกัน
