นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนเชื้อเพลิง รวมถึงภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาล ซึ่งส่งผลให้ราคาเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ลดลงลิตรละ 1-3.89 บาท ว่า การปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกในการปฏิรูปพลังงาน เพราะเป็นการคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้เบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ที่ถูกจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในอัตราสูง เพื่อไปอุดหนุนคนใช้แอลพีจี รวมถึงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกลิตรละ 14 สตางค์นั้น เป็นการปรับให้ราคาน้ำมันดีเซลกลับสู่เพดานเดิมที่ลิตรละ 29 บาท 29 สตางค์ ซึ่งตรึงราคามานานกว่า 3 ปี
นายมนูญ ยังกล่าวว่า ควรปรับราคาแอลพีจีขึ้น โดยเฉพาะภาคขนส่งเพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมัน เนื่องจากผู้ใช้ร้อยละ 97 เป็นรถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช่รถโดยสารสาธารณะ จึงไม่ควรใช้เงินจากกองทุนน้ำมันมาอุดหนุน เช่นเดียวกับ เอ็นจีวีที่เห็นว่า ควรปรับราคาขึ้น ด้วยการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เพราะแม้จะไม่ได้ใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมัน แต่ปัจจุบันไม่ได้มีการจัดเก็บภาษี ซึ่งไม่เป็นธรรม ต่อผู้ใช้เบนซินและแก๊สโซฮอลล์
นายมนูญ ยังกล่าวว่า ควรปรับราคาแอลพีจีขึ้น โดยเฉพาะภาคขนส่งเพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมัน เนื่องจากผู้ใช้ร้อยละ 97 เป็นรถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช่รถโดยสารสาธารณะ จึงไม่ควรใช้เงินจากกองทุนน้ำมันมาอุดหนุน เช่นเดียวกับ เอ็นจีวีที่เห็นว่า ควรปรับราคาขึ้น ด้วยการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เพราะแม้จะไม่ได้ใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมัน แต่ปัจจุบันไม่ได้มีการจัดเก็บภาษี ซึ่งไม่เป็นธรรม ต่อผู้ใช้เบนซินและแก๊สโซฮอลล์