วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17) นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ ซันเดย์ เทเลกราฟ โดยกล่าวถึงนักรบไอเอสที่กำลังรุกคืบครอบครองพื้นที่กว้างขวางในซีเรียและอิรักว่า เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออังกฤษ จึงจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อสกัดกั้นนักรบกลุ่มนี้
อย่างไรก็ดี ผู้นำเมืองสิงโตคำรามสำทับว่า อังกฤษจะไม่ส่งทหารไปยังอิรัก แต่เห็นควรมีส่วนร่วมทางทหารในระดับหนึ่งเพื่อรับมือการคุกคามจาก “รัฐก่อการร้าย” ที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพล และถือเป็นอันตรายต่อยุโรปและพันธมิตร
ต่อมาในวันจันทร์ (18) ไมเคิล ฟอลลอน รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อังกฤษมีส่วนร่วมในอิรักนอกเหนือจากปฏิบัติการด้านมนุษยธรรม และการดำเนินการนี้จะกินระยะเวลานานหลายเดือน
ฟอลลอน ขยายความว่า อังกฤษและประเทศอื่นๆ ในยุโรปตัดสินใจช่วยเหลือรัฐบาลอิรักต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายรูปแบบใหม่ที่มีความรุนแรงอย่างยิ่งนี้
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส รายงานว่า อังกฤษส่งเครื่องบินโจมตีทอร์นาโด 6 ลำและเครื่องบินสอดแนมอีก 1 ลำ บินเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของไอเอส เหนือเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก เพื่อนำไปให้กองทัพอิรักวางแผนโจมตีทางอากาศ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่นำอังกฤษเข้าใกล้บทบาทการสู้รบโดยตรงมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้นำเมืองสิงโตคำรามสำทับว่า อังกฤษจะไม่ส่งทหารไปยังอิรัก แต่เห็นควรมีส่วนร่วมทางทหารในระดับหนึ่งเพื่อรับมือการคุกคามจาก “รัฐก่อการร้าย” ที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพล และถือเป็นอันตรายต่อยุโรปและพันธมิตร
ต่อมาในวันจันทร์ (18) ไมเคิล ฟอลลอน รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อังกฤษมีส่วนร่วมในอิรักนอกเหนือจากปฏิบัติการด้านมนุษยธรรม และการดำเนินการนี้จะกินระยะเวลานานหลายเดือน
ฟอลลอน ขยายความว่า อังกฤษและประเทศอื่นๆ ในยุโรปตัดสินใจช่วยเหลือรัฐบาลอิรักต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายรูปแบบใหม่ที่มีความรุนแรงอย่างยิ่งนี้
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส รายงานว่า อังกฤษส่งเครื่องบินโจมตีทอร์นาโด 6 ลำและเครื่องบินสอดแนมอีก 1 ลำ บินเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของไอเอส เหนือเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก เพื่อนำไปให้กองทัพอิรักวางแผนโจมตีทางอากาศ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่นำอังกฤษเข้าใกล้บทบาทการสู้รบโดยตรงมากขึ้น