พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบนโยบายในการประชุม คสช.เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตร ที่เป็นปัญหาของประเทศในทุกพืชผลอย่างยั่งยืน และเป็นระบบให้ปรากฏเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี โดยเฉพาะการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกและการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน ให้หน่วยที่รับผิดชอบจัดทำโซนนิ่ง และประกาศให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลล่วงหน้า ในแผนงานดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมตัวหรือปรับพฤติกรรมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับแนวทางที่ทางราชการวางแผนไว้ ให้มีการประกาศพื้นที่ใน และนอกเขตชลประทาน โดยในระยะนี้ให้กระทรวงมหาดไทยไปสำรวจ รวบรวมข้อมูลพื้นที่ในแต่ละจังหวัดให้ชัดเจน เพื่อนำมาบูรณาการแผนงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ หัวหน้า คสช.ยังได้ย้ำถึงหลักของการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนว่า ต้องสอดคล้องกับความคิดของประชาชนและลักษณะพื้นที่ และให้พิจารณาส่งเสริมการปลูกพืชหมุนเวียนนอกเหนือจากพืชหลัก เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรและเป็นการพัฒนาคุณภาพดินด้วย
สำหรับการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบนี้ ให้เร่งดำเนินการในแนวทางที่สอดคล้องกันตั้งแต่ การผลิต การจัดโซนนิ่ง การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้สินค้าเกษตร ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม ทำให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจและเข้าใจในแนวทางการบริหารจัดการของภาครัฐและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมตัวหรือปรับพฤติกรรมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับแนวทางที่ทางราชการวางแผนไว้ ให้มีการประกาศพื้นที่ใน และนอกเขตชลประทาน โดยในระยะนี้ให้กระทรวงมหาดไทยไปสำรวจ รวบรวมข้อมูลพื้นที่ในแต่ละจังหวัดให้ชัดเจน เพื่อนำมาบูรณาการแผนงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ หัวหน้า คสช.ยังได้ย้ำถึงหลักของการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนว่า ต้องสอดคล้องกับความคิดของประชาชนและลักษณะพื้นที่ และให้พิจารณาส่งเสริมการปลูกพืชหมุนเวียนนอกเหนือจากพืชหลัก เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรและเป็นการพัฒนาคุณภาพดินด้วย
สำหรับการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบนี้ ให้เร่งดำเนินการในแนวทางที่สอดคล้องกันตั้งแต่ การผลิต การจัดโซนนิ่ง การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้สินค้าเกษตร ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม ทำให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจและเข้าใจในแนวทางการบริหารจัดการของภาครัฐและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น