น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์ในทุกรูปแบบทั่วโลกขยายตัวขึ้นทุกปี แม้จะชะลอตัวลงบ้างในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ แต่เชื่อว่ายังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดอินทรีย์ที่ใหญ่สุดของโลก และยุโรปที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็น 5,000 ล้านบาทภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีมูลค่าส่งออกปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในทุกประเทศกำลังหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้กระทรวงเตรียมผลักดันการพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยกระทรวงจะร่วมมือกับอีก 8 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) สมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย บริษัท สังคมสุขภาพ จำกัด และบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัดลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU เพื่อส่งเสริมตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้าให้สินค้าและธุรกิจบริการด้านเกษตรอินทรีย์ของไทย เป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยรัฐบาลไทยได้มีส่วนร่วมรณรงค์การใช้วิถีชีวิตพึ่งพิงธรรมชาติ ฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมในเชิงอนุรักษ์ ลดเลิกการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ลดการเร่งผลผลิตโดยใช้สารเคมีและการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อลดความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั่วโลก และที่สำคัญรณรงค์การดูแลรักษาสุขภาพของผู้ผลิตไปจนถึงผู้บริโภค เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชาติให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในทุกประเทศกำลังหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้กระทรวงเตรียมผลักดันการพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยกระทรวงจะร่วมมือกับอีก 8 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) สมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย บริษัท สังคมสุขภาพ จำกัด และบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัดลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU เพื่อส่งเสริมตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้าให้สินค้าและธุรกิจบริการด้านเกษตรอินทรีย์ของไทย เป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยรัฐบาลไทยได้มีส่วนร่วมรณรงค์การใช้วิถีชีวิตพึ่งพิงธรรมชาติ ฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมในเชิงอนุรักษ์ ลดเลิกการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ลดการเร่งผลผลิตโดยใช้สารเคมีและการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อลดความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั่วโลก และที่สำคัญรณรงค์การดูแลรักษาสุขภาพของผู้ผลิตไปจนถึงผู้บริโภค เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชาติให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
