พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่า ตำรวจราจรเตรียมนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับมาตรการ 5 จริง และ 5 จอม โดยจะติดตั้งกล้องซีซีวีทีเพิ่มเติมอีก 90 ทางแยกสำคัญ ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่เริ่มมาตรการพบว่า มีกล้องซีซีทีวีอยู่ตามทางแยกประมาณร้อยละ 60-70 ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะพัฒนาให้มีการติดตั้งกล้องครบทุกจุด ซึ่งแต่ละทางแยกจะต้องมีทั้งหมด 16 ตัวแบ่งเป็นด้านหน้า 8 ตัว สำหรับจับผู้กระทำความผิดกฎจราจรด้านหลัง 8 ตัว เพื่อสังเกตปริมาณรถสะสมในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
ทั้งนี้นอกจากจะใช้จับรถที่กระทำผิดกฎกฎจราจร และรถติดแล้วยังจะนำมาใช้ เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมโดยจะเชื่อมสัญญาณกล้อง และข้อมูลเข้ากับศูนย์มิราเคิลอายของกองบัญชาการตำรวจนครบาล
อย่างไรก็ตาม หากมีการติดตั้งกล้องเสร็จแล้ว จะมีการลดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำจุดทางแยกลง และใช้ระบบรีโมตคอนโทรล เพื่อควบคุมการทำงานแทนตนเชื่อว่า เป็นหนทางที่สามารถลดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ และประชาชนรวมทั้งเป็นการผ่อนคลายความเครียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมามีตำรวจหลายนายที่ถูกย้ายมาประจำการสายงานจราจรแล้วเกิดความเครียด ส่งผลให้มีการฆ่าตัวตายคาดว่า จะเร่งให้แล้วเสร็จภายในกันายน 2557 นี้
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการพัฒนาป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรทุกทางแยกให้เป็นศูนย์วันสตอปเซอร์วิส เพื่อควบคุมการจราจรจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎจราจร และเป็นจุดบริการประชาชน เนื่องจากพบปัญหาว่าในแต่ละแยกสำคัญจะต้องมีการจัดการจราจรตลอดเวลา โดยเฉพาะกรณีการชำระค่าปรับ และการสังเกตสภาพจราจรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณในการจัดการติดตั้งกล้องจะมีการจัดสรรมาจากภาคเอกชน ซึ่งทางตำรวจจะไม่รองบประมารจาก กทม. เนื่องจากมีความล้าช้าด้านงบประมาณการบำรุงรักษาจะนำเงินกองทุนพัฒนางานจราจรตำรวจนครบาล ซึ่งขณะนี้การจัดตั้งกองทุนอยู่ระหว่างแก้ไขรายละเอียด เพื่อนำเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้เป็นไปตามวาระของ สตช.ก่อนที่จะมีการนำมาใช้ดำเนินการเป็นสวัสดิการสำหรับบริหารงานด้านการจราจร
ทั้งนี้นอกจากจะใช้จับรถที่กระทำผิดกฎกฎจราจร และรถติดแล้วยังจะนำมาใช้ เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมโดยจะเชื่อมสัญญาณกล้อง และข้อมูลเข้ากับศูนย์มิราเคิลอายของกองบัญชาการตำรวจนครบาล
อย่างไรก็ตาม หากมีการติดตั้งกล้องเสร็จแล้ว จะมีการลดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำจุดทางแยกลง และใช้ระบบรีโมตคอนโทรล เพื่อควบคุมการทำงานแทนตนเชื่อว่า เป็นหนทางที่สามารถลดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ และประชาชนรวมทั้งเป็นการผ่อนคลายความเครียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมามีตำรวจหลายนายที่ถูกย้ายมาประจำการสายงานจราจรแล้วเกิดความเครียด ส่งผลให้มีการฆ่าตัวตายคาดว่า จะเร่งให้แล้วเสร็จภายในกันายน 2557 นี้
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการพัฒนาป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรทุกทางแยกให้เป็นศูนย์วันสตอปเซอร์วิส เพื่อควบคุมการจราจรจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎจราจร และเป็นจุดบริการประชาชน เนื่องจากพบปัญหาว่าในแต่ละแยกสำคัญจะต้องมีการจัดการจราจรตลอดเวลา โดยเฉพาะกรณีการชำระค่าปรับ และการสังเกตสภาพจราจรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณในการจัดการติดตั้งกล้องจะมีการจัดสรรมาจากภาคเอกชน ซึ่งทางตำรวจจะไม่รองบประมารจาก กทม. เนื่องจากมีความล้าช้าด้านงบประมาณการบำรุงรักษาจะนำเงินกองทุนพัฒนางานจราจรตำรวจนครบาล ซึ่งขณะนี้การจัดตั้งกองทุนอยู่ระหว่างแก้ไขรายละเอียด เพื่อนำเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้เป็นไปตามวาระของ สตช.ก่อนที่จะมีการนำมาใช้ดำเนินการเป็นสวัสดิการสำหรับบริหารงานด้านการจราจร
