xs
xsm
sm
md
lg

จราจรสงขลาเข้มมาตรการ “5 จอม” สั่งติด CCTV ช่วยเจ้าหน้าที่ทำงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตร.จราจรสงขลา ปฏิบัติตามมาตรการ “5 จอม” สั่งคุมเข้ม 3 แยกใหญ่ใจกลางเมือง นำ CCTV ติดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อีกทั้งในเดือนกันยายนนี้ เตรียมรณรงค์ให้ประชาชนสวมหมวกกันน็อกให้ได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดอุบัติเหตุ และความสูญเสียที่อาจเกิดได้

วันนี้ (21 ก.ค.) ปฏิบัติการจับจริงผู้ขับขี่ที่มีพฤตินิสัยผิดกฎจราจรเป็นประจำตามมาตรการ 5 จอม ได้แก่ จอมปาด จอมย้อน จอมขวาง จอมล้ำ และจอมปลอม เป็นผลต่อเนื่องจากการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนพบว่า มี 5 พฤติกรรมที่ประชาชนรับไม่ได้คือ ขับรถปาดแซงเส้นทึบ หยุดรถล้ำเส้นหยุดรถ หยุดรถขวางทางแยก ขับรถย้อนศร และปลอมทะเบียนรถ ซึ่งมาตรการ 5 จอมจะเข้าไปแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำ และก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และในวันที่ 17 ก.ค.จะเริ่มปฏิบัติการจับจริงพร้อมกันทั่วประเทศทั้ง 199 แยก แบ่งเป็นพื้นที่นครบาล 90 แยก และต่างจังหวัด 109 แยก ซึ่งทุกจุดเป็นทางแยกหลักที่เป็นจุดรวมของรถหากสามารถแก้ไขได้พฤติกรรมบนท้องถนนของประชาชนจะดีขึ้น พร้อมทั้งจะช่วยลดอุบัติเหตุได้ด้วย

สำหรับมาตรการในการดำเนินการจับจริงแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา มีจำนวน 3 แห่ง คือ ห้าแยกน้ำกระจาย แยกสำโรง และแยกเก้าเส้ง อำเภอเมืองสงขลา โดยจะจัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผลัดยืนประจำทางแยกตลอดทั้งวัน เพื่อควบคุมผู้กระทำความผิด รวมทั้งจะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกล้องเรดไลท์คาเมรา กล้องซีซีทีวี เพื่อให้การดำเนินการสมบูรณ์แบบ และมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ซึ่งหากประชาชนทำผิดจะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ดังนี้ หากขับรถปาดเส้นทึบ มีโทษปรับไปเกิน 1,000 บาท จอดรถล้ำเส้น มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หยุดรถขวางทางแยก มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ขับรถย้อนศร มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ใช้ทะเบียนรถปลอม มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ทั้งนี้ ในส่วนกรณีการปลอมทะเบียนรถนั้น นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหากลุ่มคนใช้ทะเบียนปลอมซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการจับปรับเมื่อกระทำผิดกฎจราจรได้แล้วนั้น ยังเป็นการช่วยป้องกันปัญหาอาชญากรรมได้ด้วย ซึ่งหากตำรวจจราจรพบว่าเป็นรถที่ปลอมทะเบียนเพื่อทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายจะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการทันทีเพราะตามอำนาจหน้าที่แล้ว ตำรวจราจรไม่สามารถกระทำการยึดรถ หรือของกลางได้

โดยทั้ง 5 มาตรการดังกล่าวเมื่อถูกจับ และไม่ยอมมาจ่ายค่าปรับ จะมีการส่งผลการจับกุมไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้อายัดการต่อทะเบียนรถจนกว่าจะมีการจ่ายค่าปรับ นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน จะเน้นการรณรงค์ให้ประชาชนทั่วประเทศสวมหมวกันน็อกให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติภายหลังที่ดำเนินการมาตรการ 5 จอมสำเร็จไปแล้ว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น