นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกรรมการบริหารสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) กล่าวว่า ส.อ.ท. โดยสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต หรือ SMI ได้จัดทำแผนการพัฒนาเอสเอ็มอี โดยกำหนดกรอบทิศทางเป็น 3 ระยะ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งในกลุ่มที่เป็นเอสเอ็มอีรายใหม่ เอสเอ็มอีที่กำลังเติบโต รวมถึงกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนหรือกรณีพิเศษ และการเข้าไปมีส่วนในการสร้าง ส่งเสริมปัจจัยเอื้อต่างๆ ให้กับเอสเอ็มอีในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอีที่จะเป็นตัวจักรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นและเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้จัดประชุมการทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 20-21 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการบรรจุวาระเรื่องการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญของการจัดทำยุทธศาสตร์ครั้งนี้ ซึ่งสถาบัน SMI เป็นผู้รับผิดชอบหลักและได้ทำการสรุปข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย หรือ โรดแมปการพัฒนาเอสเอ็มอี โดยการยกระดับเป็นวาระแห่งชาตินั้น เป็นข้อเสนอแรกในแผนระยะสั้นที่ ส.อ.ท.นำเสนอต่อประธาน คสช. รวมถึงการเสนอให้ย้ายสำนักงานส่ง เสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จากกระทรวงอุตสาหกรรม มาสังกัดภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะสามารถบูรณาการการส่งเสริมเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และประธาน คสช.ได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดีต่อข้อเสนอของ ส.อ.ท.
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้จัดประชุมการทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 20-21 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการบรรจุวาระเรื่องการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญของการจัดทำยุทธศาสตร์ครั้งนี้ ซึ่งสถาบัน SMI เป็นผู้รับผิดชอบหลักและได้ทำการสรุปข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย หรือ โรดแมปการพัฒนาเอสเอ็มอี โดยการยกระดับเป็นวาระแห่งชาตินั้น เป็นข้อเสนอแรกในแผนระยะสั้นที่ ส.อ.ท.นำเสนอต่อประธาน คสช. รวมถึงการเสนอให้ย้ายสำนักงานส่ง เสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จากกระทรวงอุตสาหกรรม มาสังกัดภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะสามารถบูรณาการการส่งเสริมเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และประธาน คสช.ได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดีต่อข้อเสนอของ ส.อ.ท.