พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่าความคืบหน้าการจัดระเบียบแผงค้าในพื้นที่คลอดหลอดนั้น บริเวณคลองหลอด กทม.ได้ดำเนินการห้ามผู้ค้าตั้งวางแผงค้าอีกต่อไป โดยขณะนี้บริเวณด้านหลังของศาลฎีกาถึงคลองหลอด แต่เดิม กทม.ได้นำแผงเหล็กมากั้นพื้นที่ไว้และตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจเพื่อดูแลตลอด 24 ชั่งโมงนั้น จะแก้ไขเพิ่มเติมด้วยการนำรั้วสังกะสีมากั้นพื้นที่ เพื่อไม่ให้ผู้ค้าสามารถเข้าออกตั้งวางแผงค้าได้อย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ กทม.ได้ดำเนินการจัดระเบียบทางเท้าบริเวณถนนราชดำเนินตั้งแต่หน้ารัฐสภาจนถึงสนามหลวง จะต้องไม่มีการตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าอีกต่อไปด้วยเพราะถนนราชดำเนินถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างมาก โดยกทม.ได้กำหนดให้ผู้ค้าจัดเก็บแผงค้าต่างๆ และให้ขายสินค้าได้ถึงวันที่ 16 ก.ค.นี้เท่านั้น โดยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.เป็นต้นไป หากพบว่ายังมีการตั้งวางแผงค้าบนทางเท้า ถนนราชดำเนิน กทม.จะดำเนินการจับปรับตามกฎหมายทันที
สำหรับพื้นที่ต่อไปที่ กทม.จะเร่งดำเนินการคือการจัดระเบียบทางเท้าหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่มีผู้ค้ากว่า 1,000 ราย ตั้งวางแผงค้ากีดขวางทางเดิน โดย กทม.จะดำเนินการจัดระเบียบให้ขายสินค้าได้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.30-24.00น. เท่านั้น และกำหนดให้ตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าได้เพียงฝั่งเดียว ซึ่งต้องเหลือพื้นที่ให้ประชาชนสัญจรอย่างน้อย 3 เมตร ทั้งนี้หากผู้ค้าตั้งวางแผงค้าก่อนเวลาที่กำหนด จะดำเนินการตามกฎหมายและห้ามขายสินค้าอีกต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการกวดเข้มในปลายเดือน ก.ค.นี้
ส่วนกรณีการต่อเติมอาคารเป็นแผงค้ารุกล้ำเข้ามาบนทางเท้าจำนวนมาก ซึ่งบางอาคารต่อเติมแผงค้าแบบถาวรรุกล้ำทางเท้ากว่า 3 เมตรทำให้ประชาชนสัญจรได้อย่างลำบาก ซึ่งกทม.ได้สั่งการให้เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ล้ำทางเท้าให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ค.หากไม่ดำเนินการ กทม.จะเข้ารื้อถอนเองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันพ.ศ.2553
นอกจากนี้กทม.จะกวดขันการทำงานของเจ้าหน้าที่เทศกิจ ซึ่งปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดหาบเร่แผงลอยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งต่อไปหากเจ้าหน้าที่เทศกิจพื้นที่ใดยังปล่อยปละละเลยให้ทางเท้าเกิดความไม่เป็นระเบียบจะดำเนินการตามประมวลกฎหมายมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งโทษอาจสูงถึงการให้ออกจากราชการอีกด้วย
นอกจากนี้ กทม.ได้ดำเนินการจัดระเบียบทางเท้าบริเวณถนนราชดำเนินตั้งแต่หน้ารัฐสภาจนถึงสนามหลวง จะต้องไม่มีการตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าอีกต่อไปด้วยเพราะถนนราชดำเนินถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างมาก โดยกทม.ได้กำหนดให้ผู้ค้าจัดเก็บแผงค้าต่างๆ และให้ขายสินค้าได้ถึงวันที่ 16 ก.ค.นี้เท่านั้น โดยตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.เป็นต้นไป หากพบว่ายังมีการตั้งวางแผงค้าบนทางเท้า ถนนราชดำเนิน กทม.จะดำเนินการจับปรับตามกฎหมายทันที
สำหรับพื้นที่ต่อไปที่ กทม.จะเร่งดำเนินการคือการจัดระเบียบทางเท้าหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่มีผู้ค้ากว่า 1,000 ราย ตั้งวางแผงค้ากีดขวางทางเดิน โดย กทม.จะดำเนินการจัดระเบียบให้ขายสินค้าได้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.30-24.00น. เท่านั้น และกำหนดให้ตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าได้เพียงฝั่งเดียว ซึ่งต้องเหลือพื้นที่ให้ประชาชนสัญจรอย่างน้อย 3 เมตร ทั้งนี้หากผู้ค้าตั้งวางแผงค้าก่อนเวลาที่กำหนด จะดำเนินการตามกฎหมายและห้ามขายสินค้าอีกต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการกวดเข้มในปลายเดือน ก.ค.นี้
ส่วนกรณีการต่อเติมอาคารเป็นแผงค้ารุกล้ำเข้ามาบนทางเท้าจำนวนมาก ซึ่งบางอาคารต่อเติมแผงค้าแบบถาวรรุกล้ำทางเท้ากว่า 3 เมตรทำให้ประชาชนสัญจรได้อย่างลำบาก ซึ่งกทม.ได้สั่งการให้เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ล้ำทางเท้าให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ค.หากไม่ดำเนินการ กทม.จะเข้ารื้อถอนเองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันพ.ศ.2553
นอกจากนี้กทม.จะกวดขันการทำงานของเจ้าหน้าที่เทศกิจ ซึ่งปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดหาบเร่แผงลอยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งต่อไปหากเจ้าหน้าที่เทศกิจพื้นที่ใดยังปล่อยปละละเลยให้ทางเท้าเกิดความไม่เป็นระเบียบจะดำเนินการตามประมวลกฎหมายมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งโทษอาจสูงถึงการให้ออกจากราชการอีกด้วย