นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่าความคืบหน้าการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะนั้น ขณะนี้กรมฯ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล. ม.2 รอ.) นำข้อมูลรถตู้ที่ขอจดทะเบียนเพิ่มเติมมาวิเคราะห์อยู่ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.57 เป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รถตู้ป้ายดำที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ผ่อนผันจะต้องหยุดวิ่งทั่วประเทศอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000– 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลน่าจะเสร็จในวันที่ 11 ก.ค.นี้
หลังจากนั้นในวันที่ 15–17 ก.ค.57 จะเชิญเจ้าของรถและคนขับรถมารับฟังผลการพิจารณาเป็นรายเส้นทาง โดยรถตู้โดยสารที่ได้รับการพิจารณา กรมการขนส่งทางบกจะชี้แจงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ และให้นำรถเข้ารับการตรวจสอบเพื่อรับสติ๊กเกอร์ผ่อนผันให้ใช้งานระหว่างรอการจดทะเบียนรถโดยสารสาธารณะในวันที่ 19-20 ก.ค.นี้
“กรมการขนส่งทางบกได้ร่วมมือกับ พล.ม. 2 รอ. ดำเนินการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและให้บริการที่ดีกับประชาชน โดยระยะแรกจะทำการสำรวจรถตู้ป้ายดำที่วิ่งอยู่จริงในปัจจุบันก่อน ทั้งที่วิ่งให้บริการในกรุงเทพมหานคร หมวด 1 วิ่งจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดอื่น หมวด 2 และวิ่งระหว่างจังหวัดถึงจังหวัด หมวด 3”
ส่วนการตรวจสภาพรถตู้ที่จะใช้บริการประชาชน ได้ให้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พล. ม.2 รอ. ตรวจความพร้อมของรถตู้ เช่น เป็นรถตู้ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี มีการจัดวางแบบที่นั่ง ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง ตามขนาดและจำนวนที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เป็นต้น
โดยรถตู้โดยสารที่จะร่วมเดินรถหมวด 1 หรือ หมวด 2 ให้เข้ารับการตรวจสอบที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ส่วนรถหมวด 3 ในส่วนภูมิภาคกรมการขนส่งทางบกจะได้ประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้หลังจากการสำรวจเพื่อควบคุมรถตู้ป้ายดำเบื้องต้นแล้ว ในระยะต่อไปกรมการขนส่งทางบก จะร่วมกับ พล.ม.2 รอ. บริษัทขนส่ง จำกัด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และผู้ประกอบการขนส่งที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจำนวนเส้นทาง ความต้องการ ความจำเป็นในการให้บริการ รวมทั้งค่าโดยสารที่เหมาะสม โดยพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการขนส่งที่เพียงพอ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อเป็นจัดระเบียบให้ รถตู้โดยสารสามารถทำการขนส่งผู้โดยสารได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.57 เป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รถตู้ป้ายดำที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ผ่อนผันจะต้องหยุดวิ่งทั่วประเทศอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000– 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลน่าจะเสร็จในวันที่ 11 ก.ค.นี้
หลังจากนั้นในวันที่ 15–17 ก.ค.57 จะเชิญเจ้าของรถและคนขับรถมารับฟังผลการพิจารณาเป็นรายเส้นทาง โดยรถตู้โดยสารที่ได้รับการพิจารณา กรมการขนส่งทางบกจะชี้แจงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ และให้นำรถเข้ารับการตรวจสอบเพื่อรับสติ๊กเกอร์ผ่อนผันให้ใช้งานระหว่างรอการจดทะเบียนรถโดยสารสาธารณะในวันที่ 19-20 ก.ค.นี้
“กรมการขนส่งทางบกได้ร่วมมือกับ พล.ม. 2 รอ. ดำเนินการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและให้บริการที่ดีกับประชาชน โดยระยะแรกจะทำการสำรวจรถตู้ป้ายดำที่วิ่งอยู่จริงในปัจจุบันก่อน ทั้งที่วิ่งให้บริการในกรุงเทพมหานคร หมวด 1 วิ่งจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดอื่น หมวด 2 และวิ่งระหว่างจังหวัดถึงจังหวัด หมวด 3”
ส่วนการตรวจสภาพรถตู้ที่จะใช้บริการประชาชน ได้ให้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พล. ม.2 รอ. ตรวจความพร้อมของรถตู้ เช่น เป็นรถตู้ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี มีการจัดวางแบบที่นั่ง ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง ตามขนาดและจำนวนที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เป็นต้น
โดยรถตู้โดยสารที่จะร่วมเดินรถหมวด 1 หรือ หมวด 2 ให้เข้ารับการตรวจสอบที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ส่วนรถหมวด 3 ในส่วนภูมิภาคกรมการขนส่งทางบกจะได้ประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้หลังจากการสำรวจเพื่อควบคุมรถตู้ป้ายดำเบื้องต้นแล้ว ในระยะต่อไปกรมการขนส่งทางบก จะร่วมกับ พล.ม.2 รอ. บริษัทขนส่ง จำกัด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และผู้ประกอบการขนส่งที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจำนวนเส้นทาง ความต้องการ ความจำเป็นในการให้บริการ รวมทั้งค่าโดยสารที่เหมาะสม โดยพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการขนส่งที่เพียงพอ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อเป็นจัดระเบียบให้ รถตู้โดยสารสามารถทำการขนส่งผู้โดยสารได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป