กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดเตรียม ทำรายละเอียดเพื่อเดินทางไปยังตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้ เพื่อทำการส่งเสริมการค้าข้าวในทั้งสองภูมิภาคซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยจะมีการเดินทางภายในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นานสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เสนอให้กรมร่วมเดินทางไปยังทั้งสองภูมิภาค เพราะทั้งแอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง ถือเป็นตลาดข้าวหลักของไทย โดยมีการส่งออกในแต่ละปีเฉลี่ย 6 ล้านตัน จากที่ส่งออกไปทั่วโลกประมาณ 8 ล้านตัน แสดงให้เห็นว่าข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของทั้งสองตลาด ซึ่งการเดินทางไปเพื่อส่งเสริมการค้าที่จะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นการทำให้ข้าวไทยยังคงเป็นที่ต้องการต่อไป และคาดว่าจะทำให้มียอดสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก
ด้านสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยจนถึงช่วงวันที่ 20 มิถุนายน 2557 พบว่าไทยส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 5 ล้านตัน โดยคาดว่าทั้งปีจะส่งออกไปได้สูงกว่า 9 ล้านตัน จากที่เคยประเมินว่าจะส่งออกได้ประมาณ 8.5 ล้านตัน ส่วนการที่ไทยจะสามารถเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก ได้หรือไม่ยังคงต้องจับตาดูต่อไป ซึ่งไทยมีคู่แข่งการค้าข้าวที่สำคัญคือ อินเดีย และเวียดนาม และมองว่าไทยอาจมีแนวโน้มส่งออกข้าวได้สูงขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออก เพราะช่วงที่ระยะผ่านมาไทยยังไม่มีนโยบายให้มีการระบายข้าวรอบใหม่จากโกดังของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบปริมาณข้าวในโกดังเพื่อความโปร่งใสทำให้บางโกดังต้องหยุดขนย้ายข้าวจนกระทบต่อการขนย้ายข้าวของเอกชนที่ชนะการประมูลไปด้วยนั้น จากการได้รายงานความเดือดร้อนของเอกชนให้ คสช.รับทราบ และได้ประสานกับทั้งองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แล้วขณะนี้ก็พบว่าการขนย้ายข้าวของเอกชนในส่วนที่ชนะการประมูลนั้นสามารถขนย้ายได้ตามปกติแล้ว ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศ รวมทั้งท่าทีของสหรัฐและยุโรปที่มีต่อไทยนั้นไม่ได้มีผลต่อการค้าข้าวของไทยเลย ไม่มีเอกชนรายใดร้องเข้ามาว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
ด้านสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยจนถึงช่วงวันที่ 20 มิถุนายน 2557 พบว่าไทยส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 5 ล้านตัน โดยคาดว่าทั้งปีจะส่งออกไปได้สูงกว่า 9 ล้านตัน จากที่เคยประเมินว่าจะส่งออกได้ประมาณ 8.5 ล้านตัน ส่วนการที่ไทยจะสามารถเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก ได้หรือไม่ยังคงต้องจับตาดูต่อไป ซึ่งไทยมีคู่แข่งการค้าข้าวที่สำคัญคือ อินเดีย และเวียดนาม และมองว่าไทยอาจมีแนวโน้มส่งออกข้าวได้สูงขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออก เพราะช่วงที่ระยะผ่านมาไทยยังไม่มีนโยบายให้มีการระบายข้าวรอบใหม่จากโกดังของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบปริมาณข้าวในโกดังเพื่อความโปร่งใสทำให้บางโกดังต้องหยุดขนย้ายข้าวจนกระทบต่อการขนย้ายข้าวของเอกชนที่ชนะการประมูลไปด้วยนั้น จากการได้รายงานความเดือดร้อนของเอกชนให้ คสช.รับทราบ และได้ประสานกับทั้งองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แล้วขณะนี้ก็พบว่าการขนย้ายข้าวของเอกชนในส่วนที่ชนะการประมูลนั้นสามารถขนย้ายได้ตามปกติแล้ว ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศ รวมทั้งท่าทีของสหรัฐและยุโรปที่มีต่อไทยนั้นไม่ได้มีผลต่อการค้าข้าวของไทยเลย ไม่มีเอกชนรายใดร้องเข้ามาว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
