นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ระดับ 85.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 84 ในเดือนเมษายน ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบ 7 เดือน โดยเกิดจากดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในทุกขนาดอุตสาหกรรม มาจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการของผู้ประกอบการที่ดีขึ้น จากการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากผู้ประกอบการเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของไทย หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย และการที่ชาวนาได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ทำให้ผู้ประกอบการเห็นแนวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นทิศทางที่ดีที่ผู้ประกอบการเห็นว่าจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ทำให้โอกาสในการขยายการลงทุนมีมากขึ้น อีกทั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม ที่เป็นช่วงเปิดภาคเรียนส่งผลให้ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเพิ่มขึ้น
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 101 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 98.2 ในเดือนเมษายน และจะเป็นดัชนีที่เกินกรอบ 100 ในรอบ 5 เดือน
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการยังกังวลกับราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน ขณะที่ปัญหาการเมืองและอัตราแลกเปลี่ยนลดแรงกดดันลง รวมทั้งยังขอให้ภาครัฐจัดตั้งกองทุนเงินกู้ฉุกเฉินอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่อง โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 101 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 98.2 ในเดือนเมษายน และจะเป็นดัชนีที่เกินกรอบ 100 ในรอบ 5 เดือน
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการยังกังวลกับราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน ขณะที่ปัญหาการเมืองและอัตราแลกเปลี่ยนลดแรงกดดันลง รวมทั้งยังขอให้ภาครัฐจัดตั้งกองทุนเงินกู้ฉุกเฉินอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่อง โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน