จีนประกาศมาตรการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจรอบใหม่ ครอบคลุมแผนการสร้างทางรถไฟ ถนน และสนามบินในแถบแม่น้ำแยงซี ขณะเดียวกันแบงก์ชาติเตรียมส่งเสริมให้ธนาคารเพิ่มการปล่อยกู้แก่ผู้ส่งออก หลังจากที่มีความกังวลมากขึ้นกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจแดนมังกรที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ไตรมาสแรกของปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนขยายตัวด้วยอัตรา 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ต่ำลงจากช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 7.7%
หลังจากเติบโตอย่างเข้มแข้งมายาวนาน เศรษฐกิจจีนช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้เริ่มชะลอลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกแดนมังกรในตลาดสำคัญๆ ซบเซาลง
เพื่อรักษาอัตราการขยายตัวในระดับสูงเอาไว้ ขณะเดียวกับที่ปรับเศรษฐกิจของตนให้เกิดความสมดุลขึ้นมาใหม่ ปักกิ่งจึงมองหาหนทางในการกระตุ้นการบริโภคภายใน กระนั้น มีความกังวลกันว่า ขณะที่จีนพยายามล่าถอยจากรูปแบบการเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออกเช่นนี้ ก็อาจฉุดให้การเติบโตชะลอลงกว่าเดิม
ความกังวลดังกล่าวถูกตอกย้ำโดยข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้ ที่ระบุว่า การนำเข้าในเดือนที่ผ่านมาลดลง 1.6% สะท้อนว่า ความต้องการภายในประเทศของจีนไม่ได้กระเตื้องอย่างรวดเร็วเท่ากับที่ผู้วางนโยบายคาดหวังไว้
ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกของแดนมังกรยังคงอยู่ภายใต้ความกดดัน โดยแม้ตัวเลขในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 7% แต่ย้อนกลับไปในเดือนเมษายนกลับขยับขึ้นเพียง 0.9% มิหนำซ้ำยังดิ่งลงรุนแรงในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม
ในวันพุธ (11 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรีจีนแถลงว่า การตัดสินใจสร้างระบบขนส่งต่างๆ ในแถบแม่น้ำแยงซีที่เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างพวกมณฑลชั้นในที่มีพัฒนาการต่ำกับมหานครเซี่ยงไฮ้นั้น จะช่วยสร้างแถบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมาในบริเวณลุ่มแม่น้ำสายนี้
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานโดยอ้างคำแถลงของคณะรัฐมนตรีว่า การใช้ “ลำน้ำสีทอง” สายนี้ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จะช่วยกระตุ้นการประสานทางเศรษฐกิจระหว่างพื้นที่ที่พัฒนาแล้วกับพื้นที่ยากจน อีกทั้งเป็นการอัดฉีดพลังเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจีน
ไตรมาสแรกของปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนขยายตัวด้วยอัตรา 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ต่ำลงจากช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 7.7%
หลังจากเติบโตอย่างเข้มแข้งมายาวนาน เศรษฐกิจจีนช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้เริ่มชะลอลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกแดนมังกรในตลาดสำคัญๆ ซบเซาลง
เพื่อรักษาอัตราการขยายตัวในระดับสูงเอาไว้ ขณะเดียวกับที่ปรับเศรษฐกิจของตนให้เกิดความสมดุลขึ้นมาใหม่ ปักกิ่งจึงมองหาหนทางในการกระตุ้นการบริโภคภายใน กระนั้น มีความกังวลกันว่า ขณะที่จีนพยายามล่าถอยจากรูปแบบการเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออกเช่นนี้ ก็อาจฉุดให้การเติบโตชะลอลงกว่าเดิม
ความกังวลดังกล่าวถูกตอกย้ำโดยข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้ ที่ระบุว่า การนำเข้าในเดือนที่ผ่านมาลดลง 1.6% สะท้อนว่า ความต้องการภายในประเทศของจีนไม่ได้กระเตื้องอย่างรวดเร็วเท่ากับที่ผู้วางนโยบายคาดหวังไว้
ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกของแดนมังกรยังคงอยู่ภายใต้ความกดดัน โดยแม้ตัวเลขในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 7% แต่ย้อนกลับไปในเดือนเมษายนกลับขยับขึ้นเพียง 0.9% มิหนำซ้ำยังดิ่งลงรุนแรงในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม
ในวันพุธ (11 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรีจีนแถลงว่า การตัดสินใจสร้างระบบขนส่งต่างๆ ในแถบแม่น้ำแยงซีที่เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างพวกมณฑลชั้นในที่มีพัฒนาการต่ำกับมหานครเซี่ยงไฮ้นั้น จะช่วยสร้างแถบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมาในบริเวณลุ่มแม่น้ำสายนี้
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานโดยอ้างคำแถลงของคณะรัฐมนตรีว่า การใช้ “ลำน้ำสีทอง” สายนี้ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จะช่วยกระตุ้นการประสานทางเศรษฐกิจระหว่างพื้นที่ที่พัฒนาแล้วกับพื้นที่ยากจน อีกทั้งเป็นการอัดฉีดพลังเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจีน
