ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 57/2557
เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับ มีผลบังคับใช้ต่อไป
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น แต่ที่โดยประกาศดังกล่าว กำหนดให้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบางหมวด ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป โดยเฉพาะการกำหนดให้ศาลทั้งหลาย คงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
นอกจากนั้น ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไปก็มิได้ยกเลิก หรือสั่งให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดสิ้นสุดลง นอกจากกำหนดให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับ มีผลบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้เพื่อให้ศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญนั้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงเห็นเป็นการสมควรกำหนดเพิ่มเติมให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับ ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป โดยมิได้สะดุดลง จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก แต่ให้งดเว้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้ง และการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาไว้เป็นการชั่วคราวก่อน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจกำหนด หรือขยายระยะเวลาในการยื่นบัญชีรายรับ และรายจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในการเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 2. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป โดยมิได้สะดุดลง จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ดำเนินการประชุม หรือดำเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง และการดำเนินการเพื่อการจัดตั้ง หรือจดทะเบียนพรรคการเมือง ให้ระงับไว้เป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง ของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวด้วย ในกรณีมีข้อสงสัยให้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ข้อ 3. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป โดยมิได้สะดุดลง จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก
ข้อ 4. บรรดาคำร้อง สำนวน อรรถคดี หรือการใด ที่ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือศาล ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง และศาล ยังคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณา และวินิจฉัยต่อไป
ข้อ 5. ให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณา และวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้วิธีพิจารณา และวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามระเบียบที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำหนด โดยต้องใช้ระบบไต่สวน และเป็นไปโดยรวดเร็ว ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับ มีผลบังคับใช้ต่อไป
ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น แต่ที่โดยประกาศดังกล่าว กำหนดให้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบางหมวด ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป โดยเฉพาะการกำหนดให้ศาลทั้งหลาย คงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และให้องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
นอกจากนั้น ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2557 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไปก็มิได้ยกเลิก หรือสั่งให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใดสิ้นสุดลง นอกจากกำหนดให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับ มีผลบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้เพื่อให้ศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญนั้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงเห็นเป็นการสมควรกำหนดเพิ่มเติมให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับ ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป โดยมิได้สะดุดลง จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก แต่ให้งดเว้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้ง และการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาไว้เป็นการชั่วคราวก่อน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจกำหนด หรือขยายระยะเวลาในการยื่นบัญชีรายรับ และรายจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในการเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 2. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป โดยมิได้สะดุดลง จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ดำเนินการประชุม หรือดำเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง และการดำเนินการเพื่อการจัดตั้ง หรือจดทะเบียนพรรคการเมือง ให้ระงับไว้เป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง ของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวด้วย ในกรณีมีข้อสงสัยให้หารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ข้อ 3. ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไป โดยมิได้สะดุดลง จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก
ข้อ 4. บรรดาคำร้อง สำนวน อรรถคดี หรือการใด ที่ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือศาล ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง และศาล ยังคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณา และวินิจฉัยต่อไป
ข้อ 5. ให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณา และวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้วิธีพิจารณา และวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามระเบียบที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำหนด โดยต้องใช้ระบบไต่สวน และเป็นไปโดยรวดเร็ว ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ