นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พบว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขาดสภาพคล่องมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่ประชุมจึงออกมาตรการช่วยเหลือ โดยเตรียมนำวงเงินจากโครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.ตามโครงการพีจีเอส 5 ที่ยังเหลืออยู่ 165,000 ล้านบาท มาค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี คาดว่าจะช่วยเหลือได้ 50,000 ราย และสร้างสินเชื่อในระบบ 280,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บสย.จะพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้กับลูกค้าที่มีกำหนดครบชำระระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนจนถึงสิ้นปีนี้ คิดเป็นวงเงินค่าทำเนียม 2,800 ล้านบาท ขณะเดียวกันในสัปดาห์จะหารือกับสถาบันการเงินต่างชาติเพื่อเจรจาเพิ่มวงเงินค้ำประกันเงินกู้ปล่อยสินเชื่อให้กับสถาบันการเงินให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 50 จากปัจจุบัน บสย.ค้ำประกันอยู่ที่ร้อยละ 18 ของวงเงินค้ำประกัน
นอกจากนี้ บสย.จะพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้กับลูกค้าที่มีกำหนดครบชำระระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนจนถึงสิ้นปีนี้ คิดเป็นวงเงินค่าทำเนียม 2,800 ล้านบาท ขณะเดียวกันในสัปดาห์จะหารือกับสถาบันการเงินต่างชาติเพื่อเจรจาเพิ่มวงเงินค้ำประกันเงินกู้ปล่อยสินเชื่อให้กับสถาบันการเงินให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 50 จากปัจจุบัน บสย.ค้ำประกันอยู่ที่ร้อยละ 18 ของวงเงินค้ำประกัน